มาสำรวจย่านนวัตกรรมโยธีกันดีกว่า กับงาน Walkathon ของ NIA
วันนี้วันดี วันที่ 7 ตุลาคม 2559 ท้องฟ้าอันสดใส ไม่มีแม้กระทั่งเงาฝน พวกเราพร้อมใจกันรวมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ในพื้นที่ย่านนวัตกรรมโยธี ซึ่งในพื้นที่นี้มีความหลากหลาย ทั้งอนุเสาวรีย์ชัย ศูนย์รวมรถเมล์ รถตู้ เชื่อมต่อด้วย BTS โรงพยาบาลรัฐบาลที่มีคุณภาพมากมาย สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท (ที่เด็กวิศวะปีหนึ่งไม่อยากไปหาอาจารย์อุดมที่นี่) กระทรวงต่างๆก็มาอยู่แถบนี้ จึงเป็นพื้นที่ตัวอย่างที่น่าสนใจ เข้ากับ smart city เลยทีเดียว ดังนั้นทาง NIA ได้จัดงาน Yothi Innovation District Walkathon ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่ทาง NIA จัดงาน hackathon ขึ้นมา (ไม่นับงาน EDM hackathon นะ อันนั้นคนจัดงาน คือ open data Thailand ขอใช้สถานที่) งานเริ่มแปดโมงถึงห้าโมงเย็น เราจะมาเล่าบรรยากาศกัน และรูปทั้งหมดมาจากกล้อง NEX 5 ที่เตรียมไป ดังนั้นไฟล์อาจจะใหญ่หน่อยนะคะ และได้แปลงขนาดไฟล์ให้เล็กลง เนื่องจากรูปละ 3 MB ทำให้อินเตอร์เน็ทภายในบ้านช้าเป็นอย่างมาก
เรามาถึงตอนแปดโมงครึ่ง ด้วยรถเมล์ ต่อด้วยรถไฟฟ้า และต่อด้วยพี่วินอีกที มาถึงเจอพี่ป๋อเลย ลงทะเบียนเสร็จแล้วมารับเสื้อ ก่อนหน้านี้มี Mail มาถามเรื่อง size เสื้อด้วย แต่เราไม่ได้ตอบไป เพราะมีแค่ size M/L/XL เท่านั้น พอมารับเสื้อพี่ๆเขาหยิบตัวเล็กสุดให้เลย พี่ป๋อก็บอกว่าใส่โคร่งๆแล้วกันเนอะ (แอบฮาเล็กน้อย) จากนั้นเรามาเซ็คกล้อง ลบวิดีโอ คิดว่ากดอย่างน้อยๆร้อยรูป เสร็จแล้วมารับน้ำและของว่าง จากนั้นเข้าห้อง M01 ชั้น M เจอพี่ๆที่คุ้นหน้าหลายท่านเลย เช่น คุณหมอนพ คุณบวร พี่สุรชัย พี่หนุ่ม พี่เซียร์ พี่หทัยทิพย์
วันเดียวกันนี้มีจัดงาน What is innovation? ด้วย ซึ่งเราเห็นพี่นุ้ยจากชั้นบน และได้แอบถ่ายมาด้วย
พอได้เวลาเก้าโมง ก็เป็นกล่าวเปิดงาน โดย ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (วันนี้ดูค่อนข้างใกล้ชิดท่านมากกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นกรรมการตัดสินด้วย) ใจความที่ท่านกล่าว มีดังนี้
– งานนี้รวมคนทั้ง 4 กลุ่ม ทั้งช่างภาพ (ที่เห็นก็สมัครเล่นอย่างเราๆ ไปจนถึงอาชีพ), สถาปนิก นักออกแบบผังเมือง (รู้สึกจะไม่มีแหะ), ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ (ซึ่งเป็นคนพาเราไปดูพื้นที่จริงนั่นแหละ กระจายไปตามกลุ่ม) และ startup
– มีการประกวดการถ่ายภาพนวัตกรรมด้วยนะ
– มีการสร้างระเบียบนวัตกรรม ดึงดูดนวัตกรเข้ามา ซึ่งอยู่ในเขตเมืองชั้นใน หน่วยย่อยสุดของเมืองคือย่าน ซึ่งจะเริ่มที่โยธีก่อน (ตามที่เรากล่าวขั้นต้นนั่นแหละ) ซึ่งงานนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ gov tech เปลี่ยนจาก digital government เป็น smart government, med tech มีแหล่งโรงพยาบาลชุกชุม, และ smart mobility มีเรื่องระบบขนส่งมวลชนที่ใหญ่
– กิจกรรมในงานนี้ คือลงพื้นที่ไปดูสภาพจริงว่ามีประเด็นอะไรที่เราสนใจ (นั่นคือเราได้มุมมองจาก user ในพื้นที่ และคนนอกพื้นที่อย่างเราๆเอง) ออกมาเป็น pain point และ idea
– อนาคตจะไปที่ย่านคลองสาน (ซึ่งเราสนใจย่านนี้ เพราะนอกจากจะมีโรงพยาบาลตากสิน หลังคาแดง มีของกินอร่อยๆที่ท่าดินแดง มี the jam factory ตลาดคลองสาน แถมเป็นเมืองเก่าในสมัยกรุงธนบุรีด้วย)
1. gov tech สำรวจพื้นที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม
2. med tech สำรวจพื้นที่โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
3. smart mobility สำรวจพื้นที่ถนนพญาไท จากอนุเสาวรีย์ฯไปถึงแยกพญาไท เส้นทางนี้ยาวไกลกว่ากลุ่มอื่นๆเลย
– powerpoint นำเสนอ มีบอกปัญหาที่กลุ่มเราเจอ เลือกปัญหานั้นเพราะอะไร แก้ปัญหาด้วยวิธีใด ความสำคัญของปัญหา ต้องวิเคราะห์ BMC ด้วยนะ
– คนชนะในแต่ละประเภท จะได้เงินสามหมื่นบาท และได้รับการสนับสนุนจาก NIA คือ ค่าทำ prototype 1.5 ล้านบาท (อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจรายละเอียด น่าจะหมายถึงถ้าทีมที่ชนะต่อยอดโปรเจกกับทาง NIA นะ)
– ใช้เวลา present 5 นาทีต่อทีม (แต่หน้างานจริงเป็น 6 นาทีต่อทีม เนื่องจากทีมไม่ได้มีเยอะมาก)
– เกณฑ์การตัดสิน ดังรูปคะ นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ต้องสามารถเอาไปต่อยอดไปใช้ที่อื่น และสร้างงธุรกิจได้
วันนั้น เราจะต้องเลือกกลุ่มเอง ตามความสนใจ เหมือนงานแหกเมืองยุพินเลย
แต่ละกลุ่มมี staff จาก NIA มาช่วยดูแล และมีคนพื้นที่พาชมปัญหา และมาบอกปัญหาที่เกิดขึ้น
เราเลือกฝั่ง Med tech ไป เพราะน่าจะมีอะไรให้เล่นเยอะ มี pain กับเรื่องโรงพยาบาลรัฐอยู่แล้วด้วย ส่วน smart mobility กลัวว่ามันจะเหมือนๆที่เคยทำนั่นแหละ แต่ละคนสนใจกลุ่ม Med tech เยอะที่สุด ส่วน gov tech น้อยสุดเลย กลุ่ม Med tech แบ่งเป็นกลุ่มย่อย 3 ทีม จากนั้นเขาจะแจกแผนที่ และแยกกันเดินทางเพื่อสำรวจพื้นที่กัน โดยมีอาจารย์ธวัชชัย จากโรงพยาบาลพระมงกุฎพาเดินคะ โดยลัดเลาะผ่านซอยเสนารักษ์ แถวๆคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
– ห้องฉุกเฉิน คนเยอะ เดิมเป็นที่จอดรถเก่า
– โรคทางเดินหายใจ คนเป็นวัณโรคเยอะ
– negative pleasure ความดัน -10 และ -20 เพื่อไม่ให้มีเชื้อออกมา ปัญหา ไม่มีห้องนํา สำหรับกลุ่มกักสังเกตุอาการ พื้นที่แคบประมาณ 6 * 6
– เจ้าหน้าที่ติดเชื้อเยอะ หน้ากากอนามัยป้องกันโรค ส่วนใหญ่จะซื้อที่กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก
– การแก้ปัญหาเรื่องเตียงห้องฉุกเฉินไม่พอ การเพิ่มเตียง ขยายห้อง จะช่วยได้แค่ 6 เดือนแรกเท่านั้น
– ผู้ป่วยแบ่งเป็น ผู้ป่วยมีต้นสังกัด เช่น 30 บาท ทหาร และไม่มีสังกัด เช่นเหตุการณ์ที่คนต่างจังหวัด ทำงานกรุงเทพมารักษา ปัญหาคือนอนห้องฉุกเฉินนาน บางคนเป็นเดือน เพราะเป็นผู้ป่วยไม่มีสังกัดนี่แหละ อีกทั้งให้เตียงกับเคสที่หนักกว่าด้วย
– Short around ที่ไหนเร็ว บริการดี ไป อย่างรามาเขาต้องใช้ความใจแข็งในการแก้ปัญหา ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องนี้
ตรงข้ามคณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
– เตียงผู้ป่วยตึกเดิม 1200 เตียง และตึกใหม่ 1600 เตียง
– transfer ผู้ป่วยเด็กไปยังโรงบาลเด็ก โดย skywalk หรือวิธีการทาง logistic
– คนไข้ล้น ICU ต้องขนเครื่องมือแพทย์ไปใช้นอกห้องผู้ป่วย เช่น เครื่องช่วยหายใจ สารละลายหลอดเลือดดำ sensor เครื่องมือแพทย์ ซึ่งอะไหล่มีราคาแพง
– การเฝ้าระวังการติดเชื้อ การล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย จะรู้ได้ไงว่าสะอาด อาจจะมีเครื่องล้างมืออัตโนมัติ
– ทำ mou กับลาดกระบัง พระนครเหนือ เอาโปรเจกกับไอเดียมาสร้าง มีการทดสอบ
– tracking การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย : gps พื้นที่ใต้หลังคาทำงานไม่ค่อยดี, cellcular, wireless
– biosignal ส่งได้อยู่แล้ว ไม่ยอมเปิด api อาจจะทำ connector universal เพราะแต่ละยี่ห้อหน้าตาไม่เคยเหมือนกัน
– monitor ลิฟต์ แบบให้จอดชั้นที่ต้องการได้ (เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นลิฟต์กดแบบเดิม คิดว่าถ้าจะเอาแบบนั้นจริงๆ คงต้องใช้ลิฟต์ประหยัดพลังงานแบบที่ software park ซึ่งอาจจะควบคุมในระดับนั้นได้ ใช้ IoT บังคับลิฟต์ แอบน่ากลัวอยู่นะนั่น)
– บ่อบำบัดนําเสีย 5 โรงพยาบาล มารวมทุกอย่างมารวมกันที่ราชวิถี ซึ่งไม่เหมาะเท่าไหร่
จากนั้นเดินทางกลับ NIA กัน เรารอรถตู้กันนานมาก เดินกลับก็ไม่ไหว มันไกลง่ะ
พี่เล็กได้เลกเชอร์เรื่องพิจารณาในการทำโครงการนวัตกรรม ว่าอันนี้ควรทำไหม จะมี tool มาเป็นตารางใส่สูตร excel เลย
จากนั้นเรามา list ปัญหาที่พบจากการสำรวจพื้นที่ เราเองมา list ไว้ใน post-it และแบ่งประเภทปัญหา
– มีเรื่อง mask ของพยาบาล ในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ พี่เปิ้ลบอกว่า พยาบาลเขาไม่อยากใส่ตลอดเวลาเพราะอึดอัด แถมสื่อสารกับคนไข้ลำบาก อาจจะเป็นเครื่องฟอกอากาศ ระบายอาหาร ฆ่าเชื้อโรคในห้องน่าจะโอเคกับทุกฝ่ายที่สุด
– ระบบการรอคิว จริงๆคือเรื่องการ flow คน ให้คนแออัดน้อยลง
– การขนส่งผู้ป่วย พอดีกลุ่มคุณหมอเขาคิดเรื่อง iBeacon ไปแล้ว ข้ามแล้วกัน น่าจะซํ้า
– เครื่องล้างมือ ช่วย confirm ว่าพยาบาลล้างมือแล้ว ทำให้สะดวก รวดเร็ว และไม่มีปัญหาเรื่องนํ้ารั่วจากอ่างล้างมือด้วย
ดังนั้นเลยเลือกเครื่องล้างมืออัตโนมัติเป็นโปรเจกในการนำเสนอ
และแล้วถึงเวลาพรีเซนต์แล้วคะ
เริ่มที่กลุ่ม gov tech มีสองทีมคะ
ทีมแรก จำชื่อผลงานไม่ได้ เป็นแอปที่ช่วย startup ติดต่อราชการ แต่มีพี่เซียร์และพี่หทัยทิพย์เป็นสมาชิกในทีม
ตอนแรกพี่เซียร์บอกว่าเดินสำรวจพื้นที่เจออะไรบ้าง ปัญหาคือ เวลา startup ไปติดต่อราชการ อย่างการจดทะเบียนบริษัท จะต้องทำยังไง ราชการในองค์กรรู้เรื่องแต่หน้าที่ในองค์กรตัวเอง
พอจบการ present กลุ่มแรก เดาเอาว่าทีมพี่เซียร์น่าจะชนะ ด้วยการแก้ไขปัญหาโดยการทำให้ง่ายขึ้น และอีกทีมเรื่อง open data เขายังตอบไม่ค่อยดีนัก
จากนั้นกลุ่ม Med tech มีสามทีมคะ
ทีมแรก handy smart wash เครื่องล้างมืออัจฉริยะ
ทีมเราเอง พี่ต๊อก present เพลินมาก ทางกรรมการติงมาดังนี้
– เครื่องสามารถทำความสะอาดถึงซอกเล็บได้ไหม
– ควรจะสามารถพกพาได้ บุคลากรโรงพยาบาลอาจจะขี้เกียจเดิน
– prototype เครื่องรุ่นแรก ถ้าใส่นํายาลงไปตัวเครื่องอาจจะใหญ่กว่าที่เราคิด
– กลุ่มคนใช้อาจจะไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ อาจจะเป็นผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ที่เดินทางมา อาจจะมีเชื้อโรคมากมาย อนาคตอาจจะตั้งที่อนุเสาวรีย์ก็เป็นได้
ขอบคุณรูปจากพี่ป๋อคะ ตัวเองไม่สามารถถ่ายตัวเองได้จริงๆคะ |
และสุดท้าย smart mobility มีสองทีม
ทีมแรก take me where
– Bts มีเวลามาชัดเจน timing ของพี่วิน อาจจะใช้หลักการเดียวกับ pokestop
– ประเด็นคนชั้นบน กับชั้นล่าง ชั้นบนใช้ bts เดิน skywalk ใช้ node transportation พี่วิน จักรยาน แท็กซี่ เป็นประชากรชั้นล่าง ต้องมองวิวัฒนาการ มีบริบททางสังคมไม่เหมือนกัน เอาไปหลอมรวมกันอย่างไร ชั้นล่าง deal กับบริเวณเปิด
– ชั้นล่างต้องแก้มากกว่า สโคปปัญหาเล็กลง เช่นเรื่องพี่วิน สามารถเอาข้อมูลช่วงพีคไปทำอะไรต่อ
– ได้เงินยังไง?
เมื่อ present ครบทุกกลุ่มแล้ว กรรมการก็มาถกเถียงสรุปกัน ส่วนเราๆพักผ่อนกันตามสบายคะ
ประกาศผลทีมชนะเลิศดังนี้
กลุ่ม gov tech ผลงานการทำแอปเพื่อช่วย startup ไปในการติดต่อราชการ
กลุ่ม Med tech ระบบช่วยให้ผู้ช่วยรู้คิวตัวเอง
และกลุ่ม smart mobility take me where
สุดท้าย ชักภาพรวมเป็นที่ระลึก
สรุปงาน ข้อที่ชอบ
– ช่างภาพทุ่มทุนสร้างในการถ่ายภาพมา มีหมดทุกมุมที่ทำได้ (ถ้าพี่ๆเหาะไปเก็บภาพได้ คงทำแล้ว) เก็บรายละเอียดในงานทุกซอกทุกมุม ละเอียดกว่าบล็อกนี้แน่นอน
– ขออวยอาหารหน่อยคะ ปกติมาที่นี่บ่อย แต่ยังไม่เคยอวยเลย คืออร่อยจริงๆแหละ
เบรกเช้าร้าน Cake-a-Cup by Cheng อันที่ชอบและอาจจะนำเสนอหนักมาก คือแซนด์วิชแฮมชีส อร่อยมากๆ มาทั้งชีส มาทั้งซอส แฮมชิ้นหนาเต็มคำ วันดีคืนดีจะได้มาการอง เครปฝอยทองในตำนาน
เบรกบ่ายร้าน taste made by Punnada มีแซนด์วิชแสนอร่อย และนํ้าพันซ์ขวดส้มน่ารัก รสชาติดีเมื่อทานเย็นๆ แต่ตอนเอากลับมาบ้านนี่ แม่เห็นแล้วดีใจมาก เพราะแม่เคยทานนํ้าส้มของร้านนี้ตอนงานศพน้องสาวอาม่า และแม่ชอบมากกกกกก ในภาพผ่านการรับประทานมาบ้างแล้วเลยไม่ค่อยสวย
– อาหารมีแยกเจกับไม่เจด้วย
– ได้ความรู้จากเจ้าของพื้นที่ และได้รู้จักพี่ๆในทีมที่มีประสบการณ์ต่างกัน
พี่เปิ้ลอดีตพยาบาลที่ประสบการณ์เต็มเปี่ยม
พี่เล็กคนสวย ที่ทำ skin lab ธุรกิจเครื่องสำอาง มีความรู้ในด้านธุรกิจและนวัตกรรมด้วย เมื่อเที่ยงคืนพี่เขาบินไปทำงานที่ปารีส และได้เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพแล้วคะ
พี่ต๊อก ช่างภาพและบุคลากรสายนิเทศศาสตร์ในโรงพยาบาลเอกชน พี่เขามีโปรเจกที่น่าสนใจด้วย และพี่เขาพรีเซนต์เก่งมาก เพราะไม่มีเวลาให้เตรียมตัวพูดกันเท่าไหร่เลย
– ได้คุยกับพี่ๆในหลักสูตรการจัดการนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการ ได้รู้จักพูดคุยกันมากขึ้น
ถ้าไม่ selfie ไม่ใช่พี่ป๋อคนงามแน่นอนนนนน
ข้อที่ฝากไปปรับปรุงสำหรับงานคราวต่อไป
– เวลาที่ให้ทำ presentation น้อยไปอะคะ ถ้าเพิ่มอีกชั่วโมงน่าจะแหล่มเลย จริงๆทุกทีมประสบปัญหาเหมือนกันคะ ดังนั้นทุกทีมเลยใช้วิธีพูดอธิบายเอา จริงมันไม่ใช่แค่ทำ presentation อย่างเดียวแหละ คือเอาทุกอย่างมาประกอบการ present นั่นแหละ
(แอบเสียดายที่ไม่ได่เงินรางวัล ถ้ามีเงินรางวัลปลอบใจก็คงดีไม่น้อย ;_;)
สุดท้าย งานนี้เรานึกถึงป้าท่านนึง คือ ป้ายุพิน คิดว่าถ้าจัดงานแนวนี้น่าสนใจไม่น้อยเลย เลยฝากรูปไปทางป้ายุพินสักรูปนึงเนอะ เดี๋ยวว่างๆจะพินให้นะคะ
ขอบคุณที่อ่านจบจนนะคะ 🙂
ปล เป็นงานเขียนแบบเผา เพราะเนื่องจาก รีบเขียน แล้วจะไปรีบไปทำงานแอปต่อคะ