จดบันทึกการร่วม Workshop การพากย์เสียง สำหรับชาว Ookbee
สายเดฟอาจจะมีงงๆ ว่าเราจะไปพากย์เสียงแล้วหรอ เอาเป็นว่างานเราไม่ได้เร่งแล้ว บวกกับอยากได้เทคนิคในการฝึกเป็น speaker ด้วย เลยเข้าไปเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆจ้า
พอดีทีมคอมมูแอพเรา (Beeber) จัดกิจกรรม workshop การพากย์เสียง ดู agenda แล้วน่าสนใจดี และงานเราเองก็ไม่ได้เร่งมาก เลยลองลงสักหน่อย
ใน Agenda จะมีการแนะนำการใช้เสียงสำหรับงานพิธีกรและงานพากย์จ้า กิจกรรมจะมี 2 ช่วงตามหัวข้อหลัก ดังนี้
แนะนำการฝึกใช้เสียงในการเป็นพิธีกรจากพี่โด่ง
- เสียงเกิดจากอะไร? เสียงเกิดจากการสั่นของเส้นเสียง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการออกเสียง ให้พูดแล้วเราไม่เจ็บคือ อยู่ที่ลูกกระเดือก
- เส้นเสียงอักเสบ เป็นโรคที่คนใช้เสียงเป็นกันเยอะ คือจะมีตุ่มหรือเม็ดนี่แหละอยู่ที่เส้นเสียง ทำให้ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาเนอะ ซึ่งถ้าหาหมอแล้ว ทำการผ่าตัดแล้ว หมดจะงดใช้เสียง 3 อาทิตย์ จากนั้นเราสามารถกลับมาใช้เสียงได้แล้ว ตัวอย่างเช่น Adele ที่เคยเป็น เขาจะค่อยๆลงคีย์ตัวเองลงมา แล้วก็ไปรักษาเนอะ และเราไม่ควรเกร็งคอหรือเส้นเสียง ให้พยายามพูดแล้วเปิดปาก
- เก็บลมยังไง และฝึกอย่างไร? เก็บลมที่ปอด หลายๆคนคิดว่าเป็นกระบังลมเนอะ เพราะอาจจะเคยเรียนร้องเพลง หรือดูรายการที่เกี่ยวกับร้องเพลงเนอะ กระบังลมเป็นส่วนนึงเนอะ การเก็บลมทำให้เรามีพลังในการพูดมากขึ้น และเราต้องหายใจให้ถูกต้อง คือ หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องพุบ ส่วนวิธีฝึกก็คือ หายใจเข้าให้เต็มปอด แล้วตอนหายใจออกให้ออกเสียง s หรือ ส ออกมา
- การขึ้นเสียงสูงหรือเสียงหลบ ห้ามใช้เสียงตะเบ็งคอหรือตะโกน
- หายใจเข้าปอดลึกๆ
แนะนำเทคนิคการใช้เสียงในการพากย์จากพี่เบียร์ทีม Audio และ น้องธีร์จาก Beeber
ก่อนเข้า session นี้มีถามด้วยว่าทำไมเข้า workshop นี้ และอยากนำอะไรกลับไปใช้
- การ project เสียง คือ การใช้เสียงเต็มเสียงของเรา (ก็คือใช้ power ที่มีอยู่ของเรา) ออกเสียงให้พุ่งออกมา
- การแสดงคืออะไร อันนี้มีฮานิดนึงตรงน้องคอมมูตอบว่า การแสดงคือสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลา555 ถ้าคำตอบจริงจังหน่อยก็คือการแสดงเป็นคนๆนึง หรือแสดงบทบาทสมมุติเนอะ คนเราก็ไม่เคยไม่มีใครไม่โกหกเนอะ ตัวอย่างสมมุติ เช่นวันนี้ขี้เกียจไปทำงาน เลยขอหัวหน้าลาป่วย แล้วหัวหน้าเป็นห่วงเลยโทรมาถามงี้ จะต้องแสดงว่าเราป่วยอะเนอะ ประมาณนี้
- การพากย์ การแสดง การร้องเพลง ก็คือการสื่อสารที่ส่ง message บางอย่าง อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ และมีความเชื่ออยู่ในนั้น องค์ประกอบก็จะมี note, key, feeling, power และเราจะต้องรู้จัก message ที่เราจะสื่อสารออกไป เพื่อทำให้เราเชื่อมากขึ้น เช่น เสื้อตัวนี้สีดำ ปากกาด้ามนี้สีแดง
- ประโยคเดียวกัน แต่การสื่อสารออกไปได้ไม่เหมือนกัน เช่นคำว่า "สวัสดี ไม่เจอกันนานเลยเนอะ" ถ้า context แบบเป็นเพื่อนกันไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงกัน ก็จะเป็นนํ้าเสียงนึงเนอะ แต่ถ้าแบบตัวร้ายเจอกัน ก็จะมีนํ้าเสียงแบบเยาะเย้ยเกลียดชัง ประมาณนี้ ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจ context และมีความเชื่อในนั้นเนอะ และมีอีกตัวอย่างนึงที่พี่เบียร์พากย์ให้ฟัง เป็นนิยายจีนในธัญวลัยเนอะ ไดอะล็อกเดียวกัน แต่ถ้าตัวละครที่เป็นแบบจอมยุทธจะเป็นเสียงคาเรตเตอร์นึง ถ้าเป็นตัวละครแบบเด็กๆหน่อยก็จะเป็นอีกเสียงนึง
- การฝึก key ก็จะมีเสียงปกติ เสียงสูงขึ้นไป 1 key และเสียงตํ่าลง 1 key เนอะ
- การอ่านภาษาไทยให้ชัดเจนและแตกฉาน ออกเสียงควบกลํ้า ร และ ล ต้องชัด
แล้วก็ระหว่างนี้ให้ผู้ร่วม workshop ลองพากย์นิยายเสียงจากจอยลดา มี 2 เรื่องที่ทำเป็นนิยายเสียงในบีเบอร์แล้วเช่นกัน คือ
ผมจะจีบพี่รหัส ตัวละครมีพี่รหัสผู้หญิงออกแนวดุๆหน่อย กับน้องรหัสผู้ชาย ดูกวนๆขี้เล่น
รองเท้ามือสอง เป็นเพื่อนสาวสองคนที่สนิทกัน เป็นวัยทำงาน
ก่อนที่เราจะลองพากย์กันนั้น เราจะต้องศึกษาคาแรคเตอร์กันก่อน ซึ่งน้องธีร์ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าเรื่องไหน ตัวละครเป็นประมาณไหน และลองพากย์ดู ก็แอบตื่นเต้นเพราะไม่เคยพากย์หรือทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แหะๆ และก็ได้คำแนะนำมาว่า เข้าใจในคาแรคเตอร์แล้ว แต่ติดตรงอ่านรวบคำ พยายามอ่านให้ช้าลง เปิดกว้างให้ปากขึ้น
แล้วววววววววว น้องในทีมที่ทำ Front-End ลงมาด้วยจ้า มาเงียบๆ มาตอนไหนไม่รู้ ไหนๆก็ลงมาแล้ว โดนจ้า ฝึกพากย์เลยจ้า แน่นอนว่าหนุ่มสายเดฟทีมเราน้านนนน ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน รับรู้ความซื่อของน้องเขาในนํ้าเสียง แถมเพิ่งรู้ว่าน้องเขาจีบใครไม่เป็นอีกจ้า
แล้วถ้าเราได้รับบทบาทบางอย่างที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่น เล่นบทที่มีจีบๆแต่ในชีวิตจีบใครไม่เป็นเลย หรือ สมมุติคุณพ่อลูกสองอย่างพี่โด่ง จะต้องเล่นละครรับบทเป็นฆาตกรงี้ แน่นอนว่าพี่โด่งก็ไม่เคยฆ่าคนมาก่อนเนอะ แล้วจะต้องทำการบ้านยังไงนะ เพื่อให้เข้าถึงบทบาทและคาแรคเตอร์นี้ได้ แน่นอนว่าจะต้องไปศึกษา อาจจะอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือดูอะไรสักอย่าง เพื่อให้เราเข้าใจวิธีคิดของเขาเนอะ
และถ้าสมมุติเสียงคนนี้เป็นเสียงนางอิจฉา ดูเป็นนางร้าย จะเป็นเสียงนางเอกได้ไหม ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องและคาแรคเตอร์ของตัวละครว่าตัวนี้ต้องเป็นคนแบบไหน คาแรคเตอร์เป็นอย่างไร บางเรื่องนางเอกอาจจะร้ายๆหน่อยอาจจะใช้เสียงนี้ได้
ก่อนจะจบก็มีทริคเล็กๆน้อยๆให้เราไปฝึกเองได้ด้วยเนอะ
ฝึกอ่านหนังสือเยอะๆ แบบอ่านออกเสียงเนอะ แน่นอนว่าชอบอ่านในใจกัน และฝึกอ่านให้แตกฉาน ฝึกดู และก็ฝึกร้องเนอะ
และมีการรือฟื้นวัยเด็กกับอักษรไทย ที่มีเสียงสูง กลาง และตํ่าเนอะ
- อักษรกลางให้จำไว้ เพราะจำง่ายสุด ผันครบ 5 เสียงทันที ก็คือ ไก่ จิก เด็ก ตาย บน ปาด โอ่ง
- อักษรสูง เสียงวรรณยุกต์ตัวสุดท้ายคือรูปสามัญ ไม่มีเสียงสามัญ
- อักษรตํ่า ไม่มีเสียงเอก คำที่มีไม้เอกจะเป็นเสียงโท คำที่มีไม้โทจะเป็นเสียงตรี
- ห + อักษรตํ่า -> เสียงสูง เช่น คำว่า ลาน -> หลาน, วัง -> หวัง
ของที่ระลึกจากกิจกรรม Workshop นี้ก็คือ สมุดน้องบี๊บจ้าาา อิอิ เป็นสมุดปกแข็ง ข้างในเป็นกระดาษไม่มีเส้นจ้า ถูกใจสุดๆ
และก่อนจากกันชักภาพที่ระลึกกันหน่อยจ้า
สุดท้าย ขอบคุณทางบริษัทที่สนับสนุน Workshop นี้ขึ้นมา แล้วก็ขอบคุณทางคอมมูทีมบีเบอร์ที่จัดงานนี้ขึ้นมา แล้วก็ขอบคุณวิทยากรใน Workshop นี้ไม่ว่าจะเป็นพี่โด่ง พี่เบียร์ น้องธีร์ และสุดท้ายทีม HR ที่จัดเตรียมสถานที่ให้เราได้ร่วมกิจกรรมกันเนอะ :D
โพสของออฟฟิคจ้า รูปประกอบก็มาจากโพสนี้แหละ
https://www.facebook.com/OokbeeLife/posts/2715905611991404
และที่ออฟฟิคก็รับคนอยู่จ้า
https://th.jobsdb.com/th/th/jobs/companies/ookbee-u-co-ltd/1
สุดท้ายฝากร้านกันสักนิด ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ
และฝากช่องทางใหม่ ทาง Twitter ฮับ