เรียนรู้ 20 บทเรียน เมื่อต้องเป็น Speaker! จาก speaker มือโปร
เรียนรู้การเป็น speaker ที่ถูกต้อง กับ session Speaker 101 ฝึกทักษะการพูดบทเวที
โดยผู้มีประสบการณ์ในการพูด 100 เวที และงานที่โหดสุดคือพูดต่อหน้าคน 3000 คนใน 3 ชั่วโมง กับพี่เทอร์โบ เพจ Bittoon กับ session Bittoon DAO Learning
หลาย ๆ คนคงจะรู้จักพี่เทอร์โบ เพจ Bittoon ในฐานะอินฟูสายคริปโตเนอะ จริง ๆ พี่เขาทำ marketing และก่อนหน้านั้น เป็นติวเตอร์สอนเลขและฟิสิกส์ด้วย ซึ่งงานที่โหดที่สุดที่ว่า คือ สอนเลข 3 ชั่วโมง กับคนฟัง 3000 คน จบงานนี้ไม่กลัวอะไรแล้ว
ก่อนอื่นการสื่อสารมี 2 แบบ one-to-one กับ one-to-many
อย่างการเป็น speaker คือ one-to-many เนอะ
20 บทเรียน เมื่อต้องเป็น Speaker!
1. หยุดคิดว่าผู้ฟังกำลังจับผิด: คนที่ได้ขึ้นพูดแรก ๆ อาจจะกังวลตรงนี้อยู่ คนฟังไม่ได้จับผิดเรา ทำให้ดึงศักยภาพของเราได้ไม่สุด ดังนั้นให้ทิ้งความกังวลตรงนี้ไป
2. อย่ามอบตั้งแต่เริ่ม: เช่น บอกว่าพูดเวทีแรก เพิ่งเล่าครั้งแรก คนชอบทำ ทำให้ผู้ฟังมองเราไม่ดี ไม่มีคาริสมา เราต้อง the show must go on และแก้ได้โดยการซ้อมพูดเยอะ ๆ
3. อย่ามาถึงกระชั้นชิดก่อนขึ้นพูด: ใช้ทักษะดึงคนหมู่มาก ไปสาย ทำให้ทุกอย่างที่เราเตรียมมาพัง ดังนั้นให้มาก่อน 3 ชั่วโมง ดูสถานที่ check ให้เรียบร้อย
4. อย่าพูดตามสคริปแบบเป๊ะ ๆ: ทำให้ content ที่เราเตรียมถ่ายทอดออกมาแน่นอน แต่ส่งไปไม่ถึงคนฟัง เพราะเขาไม่ต้องการคนอ่านหนังสือให้ฟัง
5. มี movement ทั้งร่างกาย และการเคลื่อนที่: การทำไม้ทำมือ เดินไปมาซ้ายขวาเวทีบ้าง
6. เตรียมแค่ bullet ในการพูด รายละเอียด ให้พูดด้วยความเข้าใจ: มีแนะนำตัว ice-breaking มีคำถามให้คนฟังคิดตามได้ หัวข้อต่าง ๆ จบด้วยสรุป ทำความเข้าใจในเรื่องที่เราพูด เหมือนเม้ากับเพื่อน
7. มือใหม่ สไลด์มีไว้เป็นผู้ช่วยสำคัญ มือเก๋า มีไว้เป็น wallpaper ตอนพูด: ให้คนฟังอินกับมันมากขึ้น ข้อยกเว้น ถ้าลง detail ตัวสไลด์เป็นเครื่องมือ ไม่ควรพึ่งมันมากเกินไป คนเป็น vc ตอน pitching สนใจคนพูด ทั้งบุคลิก การตอบคำถาม มากกว่าสไลด์ และสไลด์มีหน้าที่ทำให้เห็นภาพตรงกันเท่านั้น
8. ให้ความสำคัญ กับตอนขึ้น และตอนจบ: มองเป็นกัปตัน พาคนฟังขึ้นเครื่องบิน เริ่มต้นให้ดีเพื่อดึงให้คนฟังเรา สนใจเรา ให้ว้าว จบให้คนจำได้ว่าได้อะไรกลับไป และคนจำได้เพียง 10 - 20% ของทั้งหมดเท่านั้น
9. เตรียมเนื้อหามา 100% ไม่จำเป็นต้องเอาให้ครบ 100%: เตรียมเผื่อไว้ และดูหน้างาน เช่น ถามกันเยอะ มีกิจกรรมแทรก เปิดโอกาสให้ถาม หรืออะไรใด ๆ อย่าไปซีเรียส ถ้าเอาหมดต้องดึงเวลา เหมือนอาจารย์ที่ขอเวลาในการสอนต่อ ดังนั้นให้ focus ตามหน้างาน
10. พูดแบบ one-way: ให้พูดฟังได้มีโอกาสถามตอบสั้น ๆ หรือมีอะไรถามคนฟัง เพื่อให้มีการ interaction บ้าง เพื่อให้คนเรียนตั้งใจฟังตลอดเวลา
11. Context สำคัญพอ ๆ กับ Content: บริบทและเนื้อหา speaker ให้ความสำคัญกับ content เยอะ อย่าลืมให้ความสำคัญกับบริบท คือสภาวะที่คนเรียนเปิดรับเนื้อหาที่คนสอนให้ เช่น เสียงสูงตํ่า เล่านิทาน ถามตอบ เล่นเกมส์ การแต่งกาย
12. มองผู้ฟังให้เหมือนกับคน 3 คน: มองว่ามีคนแค่ 3 คนที่ฟังเรา คนตรงกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ตาเราไปกลางบ้าง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ให้คนฟังรู้สึกว่าให้ความสำคัญกับคนฟังอย่างเขาตลอดเวลา มีความใส่ใจ
13. ถ้ามีการถามตอบ และมีคนตอบได้ อาจจะให้ทั้งห้องร่วมปรบมือ (ตามหน้างาน): อันนี้ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าอันไหนคำถามดี หรือมีคนตอบได้ อาจจะพูดว่าปรบมือสิรอไรอยู่งี้
14. นอกจาก Lecture Base Learning ยังมี Activity Base Learning: การบรรยายให้เกิดการเรียนรู้ เช่น lecture base ฟังแล้วจดตาม และยังมี activity base ให้เขาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เขา get เช่น ตอบคำถามว่าภาพนี้คือแบรนด์อะไร ทำให้รู้ว่า Brand CI เป็นเรื่องสำคัญน้า
15. งานเลี้ยงต้องเลิกรา สัมมนาต้องเลิกเร็ว (หมายถึงรักษาเวลา): ให้จบในเวลา ห้ามต่อเวลา เตรียม 100% แต่อย่าคาดหวังว่าต้องใส่ 100%
16. ประสบการณ์ speaker ให้แทรกในเนื้อหา (ไม่ใช่แแนะนำตัวยืดยาว): ทำให้คนรู้สึกมีคาริสม่า อย่าไปใส่ในการแนะนำตัว มันจะดูโอ้อวด ให้ใส่แทรกในเนื้อหา เช่น activity เมื่อกี้ว่าพี่เทอร์โบใช้ในการบรรยาที่โตโยต้า
17. สรุปสิ่งที่พูดอยู่เสมอ ถ้าพูดยาว อาจมี checkpoint สรุปก่อนไปเรื่องต่อไป: สรุปกันก่อนว่าเราได้อะไรกันบ้าง อาจจะใช้ two-way communication ให้เพื่อนสรุปให้ฟัง สัมมนาเป็นแค่ tricker ให้คนฟังกลับไปศึกษาต่อเอง
18. ถามชื่อบางคนก็เป็นเรื่องที่ดี และอาจใช้เป็นตัวละครในเรื่องเล่าต่อไปได้ (ตามหน้างาน): อันนี้ก็ optional ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ใช้เป็นตัวละครในการเล่าเรื่องต่อไป
19. รู้จริง เพื่อตอบคำถามให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ หรือบางคำถามเชิงลึกมาก ๆ หรือต้องตอบยาว ให้ติดต่อมาส่วนตัวภายหลัง: เจอคำถามที่ยาก และเราตอบไม่ได้ หรือใช้เวลาตอบไม่พอ ให้บอกว่าพอจบ session มาคุยกันอีกที ถ้าเราตอบได้ หรือทักหลังไมค์ก็ได้ เพราะบางคำถามทำให้เสีย context ได้
20. ออกไปพูดด้วยความสุข: อย่าไปกลัวคนจับผิด ทิ้งความกังวล ให้ออกไปพูดด้วยรอยยิ้ม the show must go on
Q & A
- ถ้าใน session มีคนสนใจจะถามเยอะ แนะนำให้มีการจำกัดคำถาม เพื่อควบคุมเวลาได้งับ
- ถ้ามีคนพูดเสียงดัง ไม่ตั้งใจฟัง จะเดินมาคุยมาถามด้วย แต่ไม่น่าจะเจออะไรแบบนี้ เพราะเราก็ผู้ใหญ่แล้วเนอะ
ทั้งหมดก็จะประมาณนี้จ้า เราว่า session นี้เป็นประโยชน์กับทุกคนนะ เพราะว่ามันใช้ได้ทั้งการ present หน้าห้อง ยันขึ้นเวทีพูดเลยทีเดียว และเป็น skill ที่สำคัญในยุคนี้ด้วยเนอะ
แบบทวิตก็มีสรุปหลังจากเรียนนะ ไปอ่านกันได้เช่นกัน หรือแชร์ให้เพื่อนก็ได้เลย
สรุป Speaker 101 ฝึกทักษะการพูดบทเวที โดยผู้มีประสบการณ์ในการพูด 100 เวที และงานที่โหดสุดคือพูดต่อหน้าคน 3000 คนใน 3 ชั่วโมง กับพี่เทอร์โบ @bittoonfunny กับ @BitToonDAO Learning
— Minseo ⚡ (@mikkipastel) July 16, 2024
.
กับ 20 บทเรียน เมื่อต้องเป็น Speaker! #BittoonDAO pic.twitter.com/uWas525j6x
ติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ และทุกช่องทางโดเนทกันไว้ที่นี่เลย แนะนำให้ใช้ tipme เน้อ ผ่าน promptpay ได้เต็มไม่หักจ้า
ติดตามข่าวสารแบบไว ๆ มาที่ Twitter เลย บางอย่างไม่มีในบล็อก และหน้าเพจนะ