มาค้นพบจุดแข็งของตัวเอง กับหนังสือ Strengths Finder 2.0 (เจาะจุดแข็ง 2.0)
เรื่องเกิดจากการอัด podcast กับออมที่ recap session ที่ได้ไปฟังมาจากงาน CTC2020 ในรายการ Coding Universe
ซึ่งมี session นึงที่ออมไปฟังมาคือ Start with strengths — how to utilize your hidden talent to get what you want โดยคุณศิวัตร เชาวรียวงษ์
เราจึงลองฟัง session ย้อนหลังดูเพื่อว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง
ไม่มีวิธีการเพิ่มศักยภาพให้กับคนวิธีใดที่จะมีประสิทธิภาพมากไปกว่าการให้คนผู้นั้นได้ใช้จุดแข็งของตนเอง — DONALD O. CLIFTON, PH.D. (1924–2003) บิดาแห่งจิตวิทยาการใช้จุดแข็ง
บทนำ
หลายคนที่ประสบความสำเร็จในจุดสูงสุด จริงๆคือมีบางอย่างที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และใช้สิ่งได้เปรียบมาพัฒนาตัวเอง เช่น ไมเคิล เฟลล์ มีช่วงลำตัวที่ยาว, คริปโซเก้ มีกล้ามขาที่แข็งแรง หรือไอสไตน์ ที่มีสมองต่างจากมนุษย์ทั่วไป
และแต่คนละมีสมองที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว มีความเก่งและไม่เก่งในบางเรื่องติดตัวมีอยู่แล้ว เราสามารถพัฒนาได้ แล้วเราพัฒนาได้อย่างไรหล่ะ?
และแน่นอน ว่าเข้าช่วงแนะนำหนังสือตั้งแต่ช่วงแรกๆของ session เลยทีเดียว เขาเจอเล่มนี้ตอนทำ Team Building เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และศึกษาต่อเนื่องจนเป็น Strength Coach ของ Gallup ซึ่งเป็นเจ้าของแบบทดสอบนี้นั่นเอง
การพัฒนา ควรพัฒนาสิ่งที่เราได้เปรียบให้เก่งขึ้นไปอีก มากกว่ากลบจุดด้อยของตัวเอง
ตอนที่ 1 : Start
เราจะเริ่มต้นยังไงดีหล่ะ?
เราต้องเข้าใจก่อนว่าคนเรามีความแตกต่างกัน เช่น รูปร่าง หน้าตา สมอง
Talent (พรสวรรค์) ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีเสมอไป คือ ความเป็นธรรมชาติของเราที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิด อาจจะมีได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ สันดานดิบของเรานั่นเอง ข้อดี คือ ทำแล้วสบายใจ และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นข้อดีเสมอไป อาจจะทำให้แย่ได้ในบางกรณี ดังนั้น จึงต้องมีสติ ไว้ควบคุมตัวเอง ไม่ให้ใช้ความเป็นตัวเองในทางที่เสีย
Investment (พรแสวง) ความรู้เราต้องเรียน ไม่รู้ตรงไหนก็ไปเรียนเพิ่ม, ทักษะเราต้องลงมือทำจนเกิดความชำนาญ เป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อไป
ดังนั้น จุดแข็งที่แท้จริง คือ การนำพรสวรรค์และพรแสวงมาเจอกัน
เราต้องรู้จักพรสวรรค์ และพัฒนาให้ตรงกับเรา แบบนี้
และเคล็ดลับคืออะไรกันนะ?
เอ๊ะ เป็นการดึงสองวงข้างบน มาเข้าใกล้กับ combined talents นี่นา
พรสวรรค์ เป็นสิ่งที่ติดตัวเราและไม่สามารถแก้ไขได้
พรแสวง อยากเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะอะไร ก็ออกไปเรียนรู้ซะ จะได้รูปแบบจุดแข็งเยอะๆแน่นๆ แบบรูปด้านบน ทำให้เราได้เปรียบกว่าคนทั่วไป
แล้วจุดอ่อนไม่ต้องแก้ไขหรอ? จุดแข็งทำให้เราสำเร็จ จุดอ่อนทำให้เราล้มเหลว และทุกอย่างจะป้องกันเพื่อไม่ให้เราล้มเหลว แต่ตอนนี้เราควรไม่กลัวความล้มเหลว ดังนั้นจุดอ่อนเราแค่ระวัง ป้องกัน และให้เวลากับการพัฒนาจุดแข็งมากกว่ากลบจุดอ่อน
ตอนที่ 2 : Learn
เราต้องรู้จักตัวเองก่อน
จริงๆนอกจากแบบทดสอบบุคลิกภาพ Strengths Finder ยังมีแบบอื่นๆอีก เช่น MBTI 16 personality, en-agram, social style, โหวงเฮง ทำให้เรารู้จักตัวเอง
สิ่งที่อันตรายที่สุด คือ ทำตาม Role Model แล้วเอาไปทำตาม ซึ่งเรากับเขาไม่เหมือนกัน เป็นคนละคนกัน ดังนั้นอย่าไปทำตามแบบคนอื่น ควรหาวิธีของตัวเอง
แบบทดสอบ Strengths Finder ของ Gallup มีมาแล้ว 50 ปี และมีคนทำไปแล้วมากกว่า 21 ล้านคน
หลังจากทำแบบทดสอบเราจะได้ report ออกมา เขาแบ่งพรสวรรค์เป็น 34 ข้อ ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน คือ การปฏิบัติการ การจูงใจ การสร้างความสัมพันธ์ และ การคิดเชิงกลยุทธ์ อย่างคนนี้เราเดาว่าน่าจะจ่ายเงินปลดล็อกเพิ่มทั้งหมด เพราะปกติเราทำเสร็จก็จะได้ 5 ข้ออะเนอะ (เดี๋ยวอธิบายต่อด้านล่าง ใจเย็นๆ) และแต่ละข้อก็จะสามารถแบ่งสัดส่วนของ 4 กลุ่ม ในตัวเอง ดังรูป
ส่วนใหญ่คนที่ทำเสร็จ เอ้ออออ เป็นตัวฉันจริงๆ
แล้ว 34 ข้อมีอะไรบ้าง ก็ประมาณนี้เนอะ
ปล. คนเรามีทุกข้อ แต่อันดับเรียงตามกันไปตามแต่ละบุคคล
แต่ละข้อจะมีคำอธิบาย และ ลงมือทำเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ขึ้นขีดสุด เขาจะมีคำแนะนำเพื่อให้เราพัฒนาจากพรสวรรค์หรือจุดแข็งของตัวเอง ถ้าอ่านเสร็จแล้วรู้สึกทำได้ หรือทำไม่ได้ก็ได้ เพราะมีข้ออื่นๆเป็นส่วนผสม
เนื่องจากเวลามีจำกัด จึงเล่าให้ฟัง 4 ตัว
1) พรสวรรค์ที่คนไทยมีเยอะที่สุด คือ ความรับผิดชอบ (Responsity) เพราะคนในส่วนใหญ่อยู่ในกรอบ โดยเฉพาะการทำงานที่ทำงานตามสั่งของหัวหน้า ซึ่งคนกลุ่มนี้ทำงานแล้วสบายใจ เพราะความรับผิดชอบ ทำให้เราทำงานเสร็จ โดยเฉพาะงานที่ได้รับปากคนอื่นไว้แล้ว ซึ่งเป็นด้านดี ส่วนด้านไม่ดีคือ รับผิดชอบมากเกินไป จนตัวเองตายเอง เช่น ป่วยอยู่แต่ยังทำงานให้เสร็จ หรือ ทำตาม estimate งานตามที่คิดให้เสร็จ
มีหลายคนไม่ได้เอาสิ่งที่ตัวเองมาเป็นโจทย์ เช่น บางคนบ้างาน ทำงานเยอะจนสุขภาพและความสัมพันธ์พัง ดังนั้นเปลี่ยนโจทย์เป็นเรื่องสุขภาพและความสัมพันธ์
2) ความสามารถในการสื่อสาร (Commulicate) ความสามารถในการสื่อสาร อาจจะเป็นการพูด การเขียน ข้อเสีย คือ พูดมาก พูดเยอะเหลือเกิน พูดไม่หยุดเลย หรือพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ข้อดีคืออธิบายเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่าย สิ่งที่ควรปรับให้พอดีคือ ถ้าเขารู้สึกไม่อยากฟังเราแล้ว เราก็ควรสังเกตุเขา และหยุดพูด
3) ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ปัญหา Leadership ในปัจจุบัน ต้องมี empathy ถ้าคนที่มี empathy นั้น คนจะรักเรามาก เพราะตั้งใจฟังและอินกับสิ่งนั้น ถ้าไม่ระวังก็คือ ช่วยคนอื่นจนตัวเองตายเอง เพราะเก็บความทุกข์ของคนอื่นไว้ในตัวเอง
4) ความสามารถเชิงวิเคราะห์ (Analytical) การศึกษาบ้านเราคือเด็กต้องมีความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ โดยเฉพาะในยุคใหม่ต้องมี data driven คือเราต้องสามารถอ่าน data และนำมาวิเคราะห์ได้ ข้อดีคือกระบวนการคิด กระบวนการตัดสินใจจาก data ที่มีนั้น ทำให้เรามีตรรกะและเหตุผล ข้อระวัง คือ เรื่องบางเรื่องใช้ตรรกะไม่ได้ เช่น เรื่องเล็กๆที่ไม่ได้ต้องการข้อมูลมากขนาดนั้น ทำให้คนอื่นมองเราเป็นคนลำไย (น่ารำคาญ) เพราะขอข้อมูลสำหรับเรื่องเล็กๆ ทำให้คนอื่นอาจจะไม่ชอบเรา
สรุป ทำแบบทดสอบให้เรารู้จักตัวเองก่อน
บทที่ 3 : Love
แล้วถ้ารู้จักตัวเองแล้วไม่ชอบความเป็นตัวเองหล่ะ?
เพราะเราเคยมีแผลบางอย่างกับความเป็นตัวเองมาก่อน ถ้าใครเป็นแบบนี้มีเคล็ดลับในการแก้ไข คือ Best Day Ever แบบฝึกหัดวันที่ดีที่สุดในชีวิตเรา ซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ให้นึกถึงวันนั้นและตั้งคำถามกับตัวเองว่า พรสวรรค์อันไหน ทำให้เราประสบความสำเร็จในวันนั้น? ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพรสวรรค์ที่เรามีนั่นแหละ จากนั้นตั้งโจทย์ความเชี่อมโยงว่าวันที่ดีของเรา เกิดขึ้นจากความเป็นตัวเรา และเราจะรักตัวเรามากขึ้น
บทที่ 4 : Live
การประยุกต์ใช้ความเป็นตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ ให้ได้ตามที่เราต้องการ
มี case study 3 อัน คือ
- คนทำธุรกิจเครือข่าย : ปกติคนพวกนี้เป็นคนที่พูดคุยกับคนอื่นเก่ง ซึ่งจะเป็น WOO (Winning others over : ผู้ชนะใจ) ถ้าเป็นคนพูดหรือสานสัมพันธ์กับคนไม่เก่ง ทำยังไงดี ถ้าเรามี Learner (ผู้ใฝ่รู้) มีความสุขในการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ซึ่งเรียนเรื่องอะไรก็ตามที่ชอบ โดยไม่สนใจว่าเรียนแล้วได้ผลเป็นยังไง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนคือ คนนี้เป็นใคร และถ้าไม่รู้จะคุยอะไร ให้ตั้งคำถามต่อยอด เพื่อให้บทสนทนาต่อเนื่อง เช่น เขาตอบอะไร เราก็ถามต่อไปเรื่อยๆ ถ้า WOO คือคุยสัปเพเหระไปเรื่อยๆ
- นักวิ่งมาราธอน ในทัศนคติของคนทั่วไป คือ ต้องมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมเนอะ แต่ speaker เขาบอกว่าไม่ใช่เขา แต่เพราะเขามี Competition (นักแข่งขัน) ความโหยหาความชนะในการแข่งขัน ดังนั้นเขาจะตั้งเป้าหมายเหมือนการแข่งกีฬา สิ่งที่ทำคือ ลงสมัครงานวิ่งก่อน เมื่อวิ่งแล้วจะมีเป้าหมาย คือ อยากทำเวลาให้ดีขึ้น จึงออกไปซ้อม
- ผู้บริหารธนาคาร จุดแข็งของเขาคือ ความมีระเบียบวินัย เป็นคนละเอียด เป็นทำอะไรสมํ่าเสมอ เป็นคนคิดเชิงวิเคราะห์ และเป็นคนรักใคร่กลมเกลียวผู้อื่น ทั้งหมดดูเป็นคนเป๊ะ ละเอียด ทำงานตาม process และทำงานด้านประชาสัมพันธ์ การทำงานมีปัญหา เช่น จัดงานแถลงข่าวแล้วนักข่าวไม่มา เพื่อนบอกอาจจะมีปัจจัยภายนอก แต่เขาคิดว่าเขาเองทำดีไม่พอ ไม่ได้เรื่อง และถ้าเลือกสักตัวหล่ะ ควรเลือกพ้นทุกข์จากการทำงาน โดยการเลือก Analytical ใช้เวลานั่งวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา เพื่อให้สามารถทำเพิ่มจาก process ปัจจุบัน ให้เป๊ะขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นวิธีเดียวให้เขาพ้นทุกข์ได้ เพราะเกิดจากการลงมือทำ
สรุป เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ซึ่งเอาโจทย์และวิธีแก้เป็นแบบคนๆนั้นโดยเฉพาะ
โจทย์สุขภาพ ความรํ้ารวย ทำเองคนเดียวได้ แต่โจทย์ความรักทำเองคนเดียวไม่ได้ นอกจากต้องรู้จักตัวเอง และคนนั้นด้วย ซึ่งมีสองทางเลือกคือ ตรงกับที่เขาต้องการ แล้วก็เปลี่ยนคน555555 เพราะใช้เวลานานมากไป เราจึงต้องมุ้ปอร
สุดท้ายก่อนจบ session หลังจากที่เราทำแบบทดสอบแล้วรู้จักตัวเองแล้ว หรือรู้จักคนอื่นด้วย
- 34 ข้อนั้น เป็น neutral ไม่มีข้อไหน ดีกว่าข้อไหน ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่าไปมองของคนอื่นแล้วอยากได้ของเขา และอย่ามองว่าเราเหนือกว่าคนอื่น เพราะทุกอย่างเท่าเทียมกัน
- สิ่งนี้ไม่ใช่ label อย่าเอาไปตัดสินคนอื่นและตัดสินตัวเอง เพราะมันเป็นธรรมชาติ สิ่งที่มีผลจริงๆกับชีวิต คือการแสดงออกและพฤติกรรมอย่างมีสติ
- มองมุมมองทุกอย่างให้เป็นบวกเสมอ
- ความแตกต่างกัน ล้วนเป็นข้อได้เปรียบ เรียนรู้ข้อดีของแต่ละคน เมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆ เราสามารถ assign คนไปแก้โจทย์นั้นได้ และเราก็จะไม่ตีกันในทีมเนอะ
- เราต้องการใครสักคน มาเติมเต็มเราเสมอ
ตอนจบมีการทิ้ง contract ไว้ด้วย
ทดลองทำดูซิ!
หลังจากได้ยินได้ฟังจากออมและเข้าไปฟัง session ย้อนหลัง ดังนั้นก็เลยไปซื้อหนังสือชื่อว่า Strengths Finder 2.0 (เจาะจุดแข็ง 2.0) จาก Asia Book ในตึกออฟฟิคเรา ราคาอาจจะดูแรงติ๊ดนึง เล่มละ 450 บาท เป็นปกแข็งเนอะ
จริงๆแล้วเราเคยเห็นเล่มนี้จากโพสเพจพี่หนูเนยนะ
ว่าแต่หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงอะไรบ้างนะ
บทนำ
- บททดสอบนี้ผู้คิดค้นคือ โดนัลด์ โอ คลิฟตัน เป็นบิดาแห่งจิตวิทยาด้านจุดแข็ง
- version 2.0 การประเมินผลในแบบทดสอบรวดเร็วและน่าเชื่อถือมากขึ้น ใน part 2 ของหนังสือจะบอกข้อมูลเชิงลึกของจุดแข็งของเรา 5 คุณสมบัติแรก จะแสดงออกมาในรูปแบบเฉพาะตัวอย่างไรในชีวิตประจำวัน และ 10 แนวคิดในการปฏิบัติของแต่ละคุณสมบัติ
- ทำแบบทดสอบเสร็จแล้วต้องลงมือทำ โดยการปรับเนื้องานและเป้าหมายให้เข้ากับพรสวรรค์ของเรา และอาจจะบอกเล่าให้คนรอบข้างฟังด้วยได้
ส่วนที่ 1 : การค้นหาจุดแข็งของคุณ
- การอยากเป็นเหมือน Role Model บางครั้งเราพยายามไปก็สูญเปล่า เพราะว่าพรสวรรค์ของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราควรต่อยอดจากสิ่งที่เราเป็นอยู่ มากกว่าหมกหมุ่นต่อข้อบกพร่องของเราเอง และ "คุณไม่สามารถเป็นทุกอย่างที่คุณอยากจะเป็นได้ แต่คุณสามารถเป็นตัวคุณที่ดียิ่งขึ้นได้"
- โซนจุดแข็ง มีไว้เพื่ออะไร? เราต้องรู้จักและพัฒนาจุดแข็งของเรา ว่าเราเหมาะกับอะไร เป็นสิ่งสำคัญให้เราประสบความสำเร็จได้ ทำให้เรามีความมั่นใจ มีทิศทาง มีความหวัง และปฎิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ถ้าไม่ได้อยู่ในโซนจุดแข็ง ทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพและความสัมพันธ์
- Strengths Finder วัดเรื่องพรสวรรค์และนำพรสวรรค์ที่มี มาสร้างเป็นจุดแข็ง และพรสวรรค์เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น
- เมื่อเรานำความรู้และทักษะ ควบคู่กับการฝึกฝนอย่างสมํ่าเสมอ เป็นตัวคูณกับพรสวรรค์ของเรา
- แต่ละคำถามมีเวลาตอบข้อละ 20 วินาที โดยตอบตามสัญชาตญาณ ทำให้มีแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า
- การพัฒนาพรสวรรค์ของเราให้กลายเป็นจุดแข็งนั้น ต้องอาศัยการฝึกฝนและความพยายาม เช่น คนนี้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง สามารถเล่นกล้ามแล้วพัฒนาเร็วกว่า
- คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เริ่มด้วยพรสวรรค์ + ทักษะ ความรู้ การฝึกฝน ทำให้พรสวรรค์เป็นตัวคูณ
- พรสวรรค์รองอาจจะนำไปสู่จุดอ่อนได้ -> ลองระบุคุณสมบัติบางข้อที่ขาดอย่างเห็นได้ชัด และหาวิธี solve ตามพรสวรรค์ของเรา หรือ co กับคนอื่น
- จำเป็นต้องรู้จุดบอดที่มาจากพรสวรรค์ของเรา -> รู้ศักยภาพและข้อจำกัดของตัวเอง
- คนเราสามารถมีพรสวรรค์เหมือนกันได้ แต่ detail จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ดังนั้นเขามีการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกของจุดแข็งมากกว่า 5,000 รายการใน Strengths Finder โดยอธิบายบุคลิกของเราอย่างเจาะจง ตามหลักการที่ว่า "สิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นมากที่สุด"
- หลักจากเราทำแบบทดสอบ เราจะได้ 5 พรสวรรค์แรกของเรา และ 50 แนวคิดในการปฎิบัติ (มีพรสวรรค์อย่างละ 10 แนวคิด x 5 พรสวรรค์) ซึ่งมีการประเมินประมาณ 30 นาที
เมื่อถึงเวลาทดสอบกันแล้วสิ ข้างในจะมีรหัสและเว็บไชต์ให้เราหาจุดแข็งของตัวเอง
สามารถเข้าไปในเว็บนี้
จากนั้นกด Redeem
แล้วกรอกโค้ดที่ได้จากหนังสือ จากนั้นเข้าสู่ระบบ
เมื่อทำเสร็จแล้วเรามากรอก 5 อันดับของเราที่หน้าปกได้เลยจ้า
เมื่อทำเสร็จ 5 พรสวรรค์ของเราจะได้ดังนี้
งงเลยทีเดียว555555555555555
ทำแบบทดสอบแล้วทำไรต่อหล่ะ?
ในเว็บจะมีเอกสารสองชุด เราสามารถ download ได้ คือ
- คู่มือจุดแข็งเชิงลึก : บอก 5 พรสวรรค์แรก และแต่ละพรสวรรค์จะบอกคำอธิบาย มุมมองที่เกี่ยวกับจุดแข็งเฉพาะตัวเรา และมีคำถามให้เราตอบเกี่ยวกับพรสวรรค์แต่ละข้อ
- รายงานลักษณะเฉพาะของคุณ : บอกพรสวรรค์ของเราแบบคร่าวๆ ซึ่งจะตรงกับในหนังสือส่วนที่ 2 จ้า
ส่วนในหนังสือจะบอกดังนี้
- บอกพรสวรรค์ข้อนั้นแบบคร่าวๆ
- ลักษณะของผู้ที่มีพรสวรรค์นั้นๆ
- แนวคิดในการปฎิบัติ 10 ข้อ
- การทำงานร่วมกับผู้ที่มีพรสวรรค์ข้อนั้นๆ
ถ้าอยากได้ทั้ง 34 คุณสมบัติต้องจ่ายเงินเพื่อปลดล็อกนะ แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วแหละเนอะ :)
แล้วเขามีแอพด้วยนะ ชื่อว่า Gallup Access สามารถ download ได้ผ่าน App Store และ Play Store จ้า
ภายในแอพนั้น เราสามารถ login เพื่อดู CliftonStrengths 5 อันดับแรกของเราได้ รวมทั้งบทความ แล้วก็คำแนะนำต่างๆด้วย
ส่วนเอาไปใช้แล้วเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทูบีคอนตินิวนะจ๊ะ
สุดท้ายฝากร้านกันสักนิด ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ