สรุป Productive Communication & Personality Improvement จากโครงการ Skooldio Creator Square
เราเป็นหนึ่งคนที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Skooldio Creator Square ในโครงการนี้จะฝึกพวกเราเป็น content creator สาย tech เพื่อสร้าง community ตรงนี้ให้เกิดขึ้นมา
คลาสเรียนวันแรก วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม ซึ่งทีมงานบอกว่าคอร์สนี้จริงจังที่สุด เป็นคอร์สที่ชื่อว่า Productive Communication & Personality Improvement เป็น intensive class ในเรื่องการสื่อสาร สอนโดยครูกรีน นิธิวัชร์ ตันติภัสร์สิริ ซึ่งเขาสอนให้กับทาง LDA มาก่อนด้วย
session เริ่มสิบโมงครึ่ง เพราะตึกเปิดสิบโมง แหะ ๆ
เรามาถึงตรงเวลา ตรงเวลาเรียนเนี่ยแหละ มาปุ๊ปเรียนเลย ชิวๆ 555
ในคลาสจะมีสอนทฤษฎี พร้อมวิเคราะห์ และมี workshop ย่อย ๆ ด้วยหล่ะ
เนื้อหาเราจดไว้ใน BUJO ก็คือเป็นการสรุปจริง ๆ แบบสั้น ๆ แหละ
- ความตื่นเต้นในการพูดบทเวที หรือหน้ากล้อง หรือใดๆ เป็นเพราะว่า ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า
- คนกลัวผี เป็นคนที่ไม่เคยเห็นผี คนไม่กลัวผี เพราะเห็นผีมากแล้ว
- Introvert วงกลมแคบ
Extrovert วงกลมกว้าง
Ambivert อันนี้อยู่ตรงกลางระหว่าง Introvert และ Extrovert
การที่เราเข้าถึงคนได้นั้น จะไปด้วย "เสียงตาตัว"
- เสียง: ระดับเสียงไปตามระยะห่างของผู้ฟัง เช่น กระซิบ พูดเบา พูดดังขึ้นหน่อย
- ตา: มองไปที่คนฟังเรา
- ตัว: หันเข่าเข้าหากัน
และบวกกับ "content" ของเรา
จากนั้นมี workshop ให้แนะนำตัว บอกชื่อ อายุ และ secret insight ทางเราเลยขายน้อง Stocker DAO ไปหนึ่งกรุบ
Memorial Moment Principle
เราต้องรู้เพื่อควบคุม ระวัง และสร้างมัน
- Top: คนจดจำเราได้จากอะไร เช่น จำได้ว่าเราเป็นคนขยัน
- Connecting Point: จุดเกาะเกี่ยวกับอะไร เช่น ใส่สร้อยข้อมือเหมือนลูกค้า
- Appearance: บุคลิกภาพภายนอก
คนเราใช้เวลาตัดสินคนครั้งแรกใน 3 วินาที
- 93% appearance แบ่งเป็น 55% ภาษากาย และ 38% นํ้าเสียง
- 7% message
อันนี้เรานึกถึงสไลด์นี้ จาก Women Developer Academy SEA ที่พูดเรื่องนี้เหมือนกันเลย
Audience Analysis
- Interest: ความสนใจของคนฟัง เพื่อสร้าง small talk
- Need: เจาะความต้องการของคนฟัง
- Main Need: ทำให้เราไม่ตื่นเต้น เตรียมตัว เพื่อการสื่อสารกับเขา
- Current Need: ความต้องการในปัจจุบัน
- Take Action: เห็นคนอยากเข้าห้องนํ้า อาจจะให้เขาไปเข้า
- Verbal: ให้คำพูด เช่น ขอเวลาอีกสองนาทีจะให้พักกินข้าว - Influencer: ค้นหาสิ่งที่"ส่งอิทธิพล"ต่อคู่สนทนา
- Positive: เช่น คนนี้ชอบแมนยู ก็คุยเรื่องแมนยู
- Negative: เช่น คนนี้ไม่ชอบทีมนั้น ก็ใส่นัวแบบไม่ชอบไปงี้
Workshop: สีของเสียง
อันนี้ต้องขยับตัวออกจากที่นั่งนะ
เริ่มจากท่าการวางมือ เอามือประสานกัน ตรงหัวเข็มขัดก็ได้แหละ
มี The Ball เรากลิ้งบอลของเรา ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ เป็นการฝึกการวางมือ การใช้มือของเรา และมี The Box ทำเป็นกล่องๆ
- เสียงสีแดง: มีพลัง พูดสวัสดีค่ะแบบเสียงพุ่งไปข้างหน้า 1 ที
- เสียงสีเหลือง: สดใสกรุ้งกริ้ง เป็นเสียงแบบพากย์การ์ตูน ซึ่งเสียงจะแบบสูงตลอด ดังนั้นเวลาใช้จริง อันนี้ให้ใช้แค่หางเสียงพอนะ
ถ้านึกภาพเสียงสีเหลืองไม่ออก ครูกรีนเล่าให้ฟังว่าเขาพากย์ตัวโคจิโร่ หนึ่งในสมาชิกแก๊งค์ rocket ซึ่งจะใช้เสียงที่สูงตลอด เพราะเป็นการพากย์การ์ตูนอะเนอะ
- เสียงสีเขียว: จะเป็นเสียงแบบกลม ๆ อบอุ่น กลิ้งบอลไปเรื่อย ๆ
- เสียงสีฟ้า: เป็นเสียงหนักแน่น ลงตํ่าหน่อย
ถ้าคนที่เสียงค่อนข้างสูง อาจจะใช้เสียงปกติ แล้วค่อยๆลดความสูงลงมา จนหางเสียงตํ่ากว่าต้นเสียงงี้
แล้วก็สำหรับใครที่ยืนหลังงอๆ จะมีทริคแบบสูบลมเข้าไป แล้วตัวยืดขึ้นมา เหมือนสูบลูกโป่ง
ต่อมาข้าวกลางวัน กินแบบง่วงๆ และทำงาน Moderator ต่อปุย
เครื่องมือในการนำเสนอ หรือ Presentation Tools
WAN -> What Audience Need
- What: สารอะไรที่เราจะส่งไป
- Audience: คนฟัง
- Need:
- แจ้งให้ทราบ: บางครั้งคนไม่ engage กับ speech
- แจ้งให้ทำ: take action และปลายทางคืออะไร
เช่น สรยุทธ์อ่านข่าวเมาแล้วขับ เป็นการเล่าข่าว need คือให้คนขับรถไม่เมาแล้วขับ ไม่งั้นจะไปชนคนอื่นเสียชีวิต และบอกถึงตำรวจให้บังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด
Curate Content
KFC
- K: key message
- F: Find Your Own Story
- C: Call to Action -- tip เติม "ฉะนั้น" ออก CTA
Image: การสร้างภาพ ทำให้คมขึ้นและสนุกขึ้น
- C: Content ขยาย content ของเรา
- BL: Body Language
- V: Vocal
มี workshop พูดคนละ 45 วินาที ตามหัวข้อที่คุณครูให้มา ได้หัวข้อ สวยหล่อดีกว่ารวย ทางนี้คิดไม่ค่อยออกนอกจาก streamer สาว ซึ่งคนไม่สนเรื่องบ้านรวย สนแต่ความน่ารักไง มีคนให้กำลังใจเวลาเล่นกาก อาจจะมีคนเปย์เงินให้เป็นกำลังใจ
ตอนนั้นแอบไปถามดิส Stocker DAO พิมบอกว่าพวก influencer หรือ beauty blogger เราเลยไปเล่าเรื่องของคนสวยๆลงรูปใน IG เมื่อยอดไลค์และ follow มากขึ้น เขาก็มีรายได้จากตรงนั้น แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องรายได้เลย เลยอาจจะไม่เต็ม 45 วินาที แหะ
Tips
- position ตอนยืน ให้ยืนตรงกลาง วัดจากการตีเส้นตัดจากมุมห้อง หรือตาราง 9 ช่อง ก็ได้
- วิธีการเทสไมค์ เราจะไม่ฮัลโหลเทส 1 2 3 ให้ใช้วิธีกรีดไมค์แบบเบา ๆ เพื่อดูว่าไมค์ติดไหม เสียงมันจะกี๊ดแปปเดียว แบบคนจับไม่ทันว่านั่นคือเสียงอะไรกันนะ
- อันนี้ฝึกให้เสียงพุ่ง ๆ มั้งนะ เอากระดาษ A4 มาวางไว้ตรงหน้า แล้วทำการพ่นลมไปจุดที่เราต้องการบนกระดาษ
- วอร์มโดยการเคี้ยวหน้า อะไรงี้
drive / angry
เหมือนไปห้างแล้วมีจุดหมายว่าออกไปซื้ออะไร หรืออีกแง่นึงคือ คนฟังมี pain point อะไร
เทคนิคลดความตื่นเต้น
- C: Content ที่เราไม่สนิทกัน หรือยังไม่แน่น
- A: Audience จำนวน หรือตำแหน่งของคนฟัง เช่น เป็นประธานบริษัท
- A: Atmosphere บรรยากาศ วิธีก็คือให้ไปตี้ซี้กับมัน
อันนี้ไม่ได้จดหัวข้อ
- eye on มอง
- ear on พูดแล้วมีจังหวะ
- sound on เสียง
- body on (ball, box)
- mind on มีสติ ถ้าเราทำอะไรช้าลง เราก็จะมีสติมากขึ้น
และเวลาเล่าเรื่อง ให้เล่าจากแกน แล้วก็ cannot but answer
Workshop ก่อนกลับบ้าน
look lock talk
look ก็คือมองไปที่จุด ๆ นึง
lock ก็คือเคลื่อนตัวไปตรงที่เรามอง
talk ก็คือพูดงี้
เราสังเกตว่า speaker บางคนจะแบ่บมองพื้นแล้วพูดแล้วเดินไปเดินมา ซึ่งจริงๆควรมองตรงจุดนึง ขยับตัวอีกหน่อย แล้วค่อยพูด ไม่ควรแบบมองไปพูดไปอะไรงี้อ่ะ
แล้วก็การบ้านไปฝึก
- อาทิตย์แรกให้พูดเรื่องไหนก็ได้ เป็น daliy life กับน้องๆที่บ้าน (น้องตุ๊กตา หมาแมวก็ได้แหละ)
- อาทิตย์ต่อมาพูดเรื่องที่เราชอบ
- อาทิตย์ถัดไปพูดเรื่องที่เราไม่ชอบ
อันนี้ contract คุณครูค่า
บรรยากาศวันงาน
.
อันนี้ที่สรุปในทวิตก่อนแหละ
สามารถ support ค่ากาแฟเจ้าของบล็อกได้ที่ปุ่มแดงส้มสุดน่ารักที่มุมซ้ายล่าง หรือกดปุ่มตรงนี้ก็ได้จ้า
ช่องทาง Twitter ติดตามข่าวสารแบบไว ๆ
ติดตามข่าวสารและบทความใหม่ ๆ ได้ที่
ช่องทางใหม่ ติดตามทุก ๆ สตรีมของเราได้ที่
Subscribe ช่อง YouTube ของเราได้ที่
download แอพอ่านบล็อกใหม่ของเราได้ที่นี่