ย้อนวัยเติมไฟในกับเด็กๆกับงาน Maker Faire Bangkok 2018
สวัสดีค่ะทุกท่าน เราเองอยากมางาน Mini Maker Faire มาตั้งแต่ปีแรก แต่ก็ติดภารกิจส่วนตัวทุกครั้งที่จัดเลย ฮือออออ พอมาปีนี้น่าจะจัดเป็นปีที่ 3 แล้ว และได้ evolve เป็น Maker Faire Bangkok เป็นงานที่สเกลใหญ่ขึ้น และคนให้การยอมรับมากขึ้น ทั้งไทยและต่างชาติเลย เย้
ในงานคร่าวๆมีกิจกรรม workshop ที่ต้องลงทะเบียนจ่ายเงินหรือฟรีแล้วแต่อย่าง และก็เหล่าบรรดา maker ทั้งหลายมาออกร้านโชว์ผลงานกัน งานจัดขึ้นสองวัน 20–21 มกราคม 2561 ที่ The Street รัชดา เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลง MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ออกทางออก 4 ถ้าออกถูกก็จะเจอตึกไทยประกันชีวิตก่อน ตามมาด้วยห้างบิ๊กซี และ The Street
รายละเอียดของงาน ผู้จัดงานบอกว่ามีใครมาโชว์อะไร หรือมีกิจกรรมอะไรบ้าง https://www.facebook.com/events/352301895239630/
และมีอีกกิจกรรมนึง ที่มีเฉพาะวันที่ 21 นั่นคือ bit.evolution — ฟักไข่ไดโนเสาร์! (Theme Park by Bit Studio) นั่นเอง https://www.facebook.com/events/143556359677502/
กิจกรรมในวันงานจะสนุกสนาน ได้ความรู้อะไรกลับบ้าน มามุงกันได้เลยจ้าาา
เรามาวันอาทิตย์ที่ 21 ซึ่งสิ่งที่พลาดแน่ๆ คือ ขบวนพาเรดเมื่อคืนวันเสาร์ แต่ก็ได้ไข่ไดโนเสาร์มาแทน
และเริ่มต้นที่ workshop ก่อน นั่นคือ Guitar Synthesizer นั่นเอง ที่ห้อง workshop 1 เวลาบ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสามโมงครึ่งเลยทีเดียว เสียค่าลงทะเบียน 50 บาทจ้า (บอกเลยว่าต้นทุนของ น่าจะแพงกว่านี้ด้วยแหละ ขอบคุณสปอนเซอร์งานนี้ด้วยนะฮะ)
ตอนแรกเราเองก็งงๆนะ อีกแถวนึงคืออะไร เราลงทะเบียนออนไลน์มาแล้วที่ http://event.inex.co.th/ แล้วมี walting list มารอหน้างานเต็มเลย แบบพ่อแม่พาลูกมาอะไรงี้อ่ะ
ไปส่องห้อง workshop อื่นๆกันดีกว่า
ในงานมีคนเทแหละ แต่ไม่ได้เยอะมาก พอทีมงานเตรียมของเสร็จ เรียกชื่อทีละคนเพื่อเข้าห้อง และเรียก waiting list เข้าไปทีหลัง ซึ่งไม่แน่ใจจำนวนนะ เพราะเราก็มีชื่อลงออนไลน์อยู่หลังๆแล้วแหละ
จากนั้นพี่ maker ได้บอกเราว่า ชิ้นงานที่เสร็จแล้ว จะเป็นตัวกีตาร์ของเล่น ที่มีเสียงกีตาร์นี่แหละ ตามแสงที่ได้รับ จากตัวต้านทานแบบแสง
และเริ่มทยอยแจกของทีละชิ้น ที่บักกรีให้เราแล้วบางส่วน
ชิ้นแรกคือ แผงวงจร PCB มีสวิตซ์ ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทาน ที่ใส่ IC และตัวต้านทานแสง ซึ่งเราถือว่าเป็นเซนเซอร์ชนิดหนึ่งคะ
จากนั้นมีแผ่นอาคิลิกและแผ่นไม้ เป็นรูปกีตาร์ มีแบบนี้กับอีกแบบนึง เป็นสีขาวดำ เขาใช้เครื่องตัดเลเซอร์ งานตัดเนียนกริ๊บเลยจ้า
และมีลำโพง ถ่าน ไดโอดเปล่งแสง (ไม่ใช่ไฟ LED นะเออ) สายเสียบถ่าน หลอดทองเหลือง ซึ่งตอนแรกก็งงว่าเอาไปทำอะไร รอดูต่อไปจ้า
และ IC ที่ใช้ในวันนี้ คือ IC Timer 555 นั่นเอง เป็น IC ยอดนิยม สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างเลย
ส่วนอันนี้ Data Sheet จ้า http://www.ti.com/lit/ds/symlink/lm555.pdf
ตอนแรกเริ่มที่บัดกรีสายลำโพงก่อน บอกเลยว่าเราจำไม่ได้แล้วบัดกรีครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และกับอะไรด้วยนะ ต่อมาก็สายถ่าน และไดโอดเปล่งแสง
เราต้องสอดท่อพลาสติกเล็กลงไปในสายไฟ และนำบัดกรีเชื่อมสายไฟและขาไดโอดเข้าด้วยกัน แต่เนื่องปลอกสายไฟเราสั้นกว่าขาไดโอดนิดนึง เลยมีการตัดขากันเกิดขึ้นจ้าาา
การดูไดโอดว่าขาไหนขั้วบวก ขั้วลบ มีสองวิธีเช่นกัน
2. ดูแบบ top view จะมีข้างนึงที่มันไม่กลม ข้างนั้นเป็นขาลบ ใช้ดูในกรณีที่ขาถูกตัดเท่ากัน หรือไม่เจอขาแล้วนั่นเอง
เมื่อต่อขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะใช้ด้านข้างของเจ้าบัดกรี ซีลปลอกให้ติดกันกับสายไฟ เพื่อกันช็อค และเอาปลอกใหญ่มาใส่ทับปลอกเล็กและซีลเข้าอีกที
เบื้องต้นในตอนนี้จะเป็นประมาณนี้
การทดสอบแบบคร่าวๆ เป็นประมาณนี้ ถ้าแสงเข้มมากๆ เสียงจะสูงปรี๊ดเลยจ้า
สุดท้ายบัดกรีสายไฟที่เหลือให้เรียบร้อย ประกอบร่างออกมา เป็นดังนี้
สรุปเรื่องแผนวงจรกันนิดนึงดีกว่า…
- สายลำโพง เสียบสีสายไฟตามรูป ตรงตัวเก็บประจุ ส่วนที่บัดกรีกับลำโพงก็บัดกรีให้ครบเอง
- สายถ่าน ติดกับสายลำโพง บัดกรีสีสายไฟตามรูปนี่แหละ แต่จำไม่ได้ว่าอันไหนบวก อันไหนลบ แหะๆ
- สายที่เสียบไดโอดเปล่งแสงจะอยู่ตรงตัวต้านทาน ซึ่งขั้วลบจะไปอยู่ติดตัวต้านทาน
ทีมงานน่าจะมาจากเชียงใหม่เมกเกอร์ เพราะเห็นที่บูธ 555 และทุกท่านตั้งใจสอนมากๆเลย มีเด็กข้างๆบัดกรีสายไฟ แล้วมันซ็อคเซอร์กิต เขาก็แก้ให้และให้น้องเชี่อมไปใหม่เอง น้องก็หน้าแหยๆนิดนึงแหละตามท้องเรื่อง แต่ก็ทำจนเสร็จอ่ะ เอาจริงๆเด็กพวกนี้เก่งกว่าเราด้วยซํ้าในการบัดกรี 555 ช่างภาพก็ตั้งใจถ่ายภาพทุกคนที่เข้าร่วมมากๆเลยหล่ะ :)
จากนั้นได้เวลาเดินตามบูธ เราเก็บภาพอาจจะยังไม่ได้ครบมาก บางบูธเดินไปก็เซ็งๆไปบ้างงี้
เข้างานกันก่อนเลย จะได้ติ๊กเกอร์ของงานแปะไว้ที่เสื้อ
ลงทะเบียนเข้างานก่อนเลยจ้า ได้ใบปลิวกับใบโหวตผลงานน้องๆจ้า
บรรยายกาศในส่วนของปีกซ้าย
บูธแรก คือ เครื่องปริ๊นสามมิติ ในงานที่เห็นมีสามบูธด้วยกัน บูธนี้มีหน้ากากทุเรียน หน้ากากอีกาดำ มีสิงโตด้วย ข้างๆกัน คือ เครื่องวาดรูป
ถ้าลูกค้าสั่งงานเยอะมาก ปริ๊นมันทีเดียว 2 หัวเลยจ้า จะได้ชิ้นงานไวขึ้น
เดินไปอีกนิดจะเห็นบูธ maker จากอินโดนีเซีย มีการ์ดเกมส์ของน้องด้วย แต่ไม่ได้มุงอ่ะ เพราะไปสะดุดตากับอังกลุง บอท นี่แหละ อังกลุงเป็นเครื่องดนตรีที่ต้องเล่นเป็นทีมถึงจะครบโน้ต เจ้านี่น่าจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้แหละ
ตรงนี้บูธสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เด็กๆเยอะมากกกก เราสนใจบูธนี้ แต่น้องๆเยอะมาก อีกทั้งมากับเพื่อนด้วย กลัวจะรอกันนาน ตอนแรกเขาจะให้น้องๆหนูๆกดรหัสมอส เสร็จแล้วไปทำชิ้นงาน แล้วได้ใบประกาศนียบัตร อะไรงี้
และมาถึงห้องมืดของกิจกรรม bit.evolution — ฟักไข่ไดโนเสาร์! (Theme Park by Bit Studio) ของ Bit Studio เด็กเยอะมากๆ ในนั้นมีอะไรบ้างนะ
ก่อนเข้าไปกด like เพจเขา จะได้บอลมาลูกนึง เอาไว้ทำอะไร ติดตามชม
เจอชิ้นงาน visual แรก ปลาชุมจ้า เป็นของ Round & Nine นะ เป็นการแสดงสีสันต่างๆ ซึ่งฉากหลังก็ลายไทยเหมือนในผ้าไหม แต่การเปลี่ยนสีจะทำให้ลายเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
และควรเป็นวิดีโอ เพื่อให้เห็นชัดเจน
มีแสดงเครื่องเคาะแก้วสักอย่าง มันมืดอยู่ ถ่ายมาแปะคงจะดูงง
มาที่ไฮไลท์ของงานเลย ฟักไข่ไดโนเสาร์ บอกเลยว่าเด็กๆมุงกันเต็มโต๊ะเลย วาดรูปลายไข่ไดโนเสาร์บนลูกบอลที่แจกให้อย่างตั้งอกตั้งใจ ผู้ใหญ่อย่างเราวาดแบบขี้เกียจๆไป เราแค่อยากรู่เฉยๆว่าเขาจะทำยังไงบ้างนะ
พอวาดเสร็จ ต่อคิวสแกนไข่จ้า
เราวางไข่บนจานนี้ คุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ TCDC แต่ดีไซน์เขาดีนะเออ และเขาให้กล้องสองตัว สแกนด้านหน้ากับด้านหลัง เนื่องคิวเยอะ ต้องรอนิดนึง ไม่งั้นไม่ขึ้นจ้า
จากนั้นน้องไดโนเสาร์เราก็เฉิดฉาย เอ๊ะ ทำไมตัวใหญ่กว่าเพื่อนหล่ะลู๊กกกกกก
บูธนี้ ใครหิวนํ้าเชิญมาเลยจ้า แก้วละ 20 บาท จ่ายด้วยพร้อมเพย์ เพียงแคสแกน QR code เพื่อจ่ายเงิน เลือกนํ้า จากนั้นจะเติมนํ้าให้เรา ซึ่งนํ้าที่ขาย sold out ก่อนจบงานนะจ๊ะ จะบอกให้ คนใช้พร้อมเพย์ก็เยอะเหมือนกันเนอะ
บูธของเชียงใหม่เมกเกอร์ ดึงดูดด้วยน้องแมว nyun cat เป็นเกมส์คล้ายๆคีบตุ๊กตา แต่คีบตะกร้าแทน
มาผ่อนคลายกับศิลปะกันเลยดีกว่า เขาใช้หุ่นยนต์เลโก้ มาทำเป็นหมุนๆแบบนี้
ตอนเสร็จแล้ว เส้นก็ไม่ได้สวยเหมือนตอนหมุนแหละ แต่เอาไปประดับฝาบ้านได้
ตอนเย็น ฟ้าเริ่มมืดแล้วจ้าาาาาาา
ใครอยากจับจ่ายมาที่บูธ ThaiEasyElec เลยจ้า (จริงๆก็มีอีกหลายบูธแหละ)
นอกจากเชียงใหม่แล้ว ทางภูเก็ตก็มีกลุ่ม maker เหมือนกันนะเออ
เครื่องปริ๊นสามมิติ อันนี้มาเป็นตู้ ผลคืองานผิวเนียบกริบ
AIS น่าจะเป็นเครือข่ายมือถือเจ้าแรกที่ทำ IoT นะ อันนี้เป็นของฟาร์มสุข สามารถบอกถึงระดับนํ้า ความชื้น บลาๆได้ เกี่ยวกับการเกษตรเลยหล่ะ และแสดงผลในแอป ซึ่งเป็น AR จ้าาาาาา
ตรงนี้เขามีแข่งขัน มาถ่ายตอนเด็กๆรับรางวัล
บูธ Maker Hotic กับผลงาน เครื่องปิ้งลูกชิ้นพลังนํ้า เจอพี่มดแดง คุณหมอนพ และเพื่อนที่ทำงานเก่า ที่บูธนี้ เลยได้ความรู้จากบูธนี้เยอะสุด 555 รูปมีอยู่มุมเดียวอ่ะ เขาเติมนํ้าลงไป ในนั้นมีกังหันนํ้า แล้วเคลื่อนตัวฟันเฟืองไปที่ตรงเขียวๆอ่ะ หมุน 30 รอบลูกชิ้นถึงจะสุก ซึ่งเราว่าในทางทำจริงมันดูช้าๆไปสักนิด และคิดว่าน่าจะทำระบบนํ้าหมุนเวียน จะได้ไม่ต้องตักนํ้าตลอดเวลา มีทางที่ไปต่อได้อยู่นะเออ
มีบูทนึงสอนทำโดรน มีโดรนขึ้นไปข้างบนจริงๆด้วยแหะ แต่ด้วยกล้องมือถือ รูปได้แค่นี้แหละ จริงๆคือสวยมากเลยนะ
ปิดท้ายด้วย การทำพวงกุญแจของงานนี้ ที่บูธ Gravitech บอกเลยว่าได้ความรู้ใหม่ๆเยอะเลยยย
ที่ขายอยู่มีแบบ 80 บาทอยู่อันเดียว บัดกรีตรงหลอดไฟและ IC เพิ่ม เลยซื้อแบบ 99 บาท บัดกรีแค่ IC อันเดียว
ตัววงจรเป็นแบบย่อขนาด ซึ่งเรื่องข้อมูลอีกบูธนึงจะมีบอก สามารถซักถามกันได้ สามารถทำได้ในอุตสาหกรรมเลยนะ ปริ๊นตัวแผงวงจร PCB ออกมาบนตัวชิ้นงานที่ขนาดเล็ก และบัดกรีที่เหลือเอา
กลับมาที่เรื่องตอนทำพวงกุญแจ ตอนแรกลองแตะเจ้า IC และใส่ถ่านดูว่าทำงานได้ไหม ด้านที่ถูกคือ ด้านที่มีรูจะอยู่บนซ้าย ตอนทำ ตัว IC มันเล็กมากๆ ต้องมานั่งส่องไฟ ตอนแรกไฟติดไม่ครบ พี่สตาฟบอกว่ามีบางขาที่ยังลอยอยู่ พอแก้ บัดกรีขาติดกันไปอีก ชิ้นงานก็เล็ก ขาก็เล็ก ภายหลังได้รับความช่วยเหลือของพี่สตาฟในบูธ วิธีการแก้ลํ้ามาก เขาบัดกรีตะกั่วเพิ่ม และทำการ เคาะมันออกแรงๆ ตะกั่วส่วนเกินก็หลุดออกมา และตัววงจรบนพวกกุญแจ ก็ใช้ได้เลย……… (ในใจนี่ WTF เลยนะ)
สุดท้ายออกมาเป็นแบบนี้ น่ารักน่าใช้
ข้อดี คือ ได้บัดกรีเอง และก็กดปุ่มที่ จะเปลี่ยนรูปแบบการกระพริบ
ข้อเสีย คือ กดปิดไม่ได้ =_=
กลับมาบ้านลองอีกนิดหน่อย มีหมุนซ้าย หมุนขวา สลับ ขึ้นครบ เลยถ่ายมาเลยจ้าาา
อันนี้ด้านหลัง ใส่ถ่านนาฬิกาเอา หมดก็เปลี่ยนได้
อันนี้เข็มกลัดงาน ราคา 49 บาท เป็นที่ระลึก
สรุปงานนี้
- สถานที่เดินทางสะดวก และแนะนำให้มาด้วยขนส่งมวลชน เพื่อนเรามาไม่มีที่จอดจ้า
- workshop สามารถทำได้ทุกคน เด็กๆจะมาเยอะหน่อย จริงๆอยากให้มี workshop สำหรับผู้ใหญ่ไปเลย แบบแบ่งไปเลยงี้ เพราะบางบูธเราสนใจทำนะ แต่ทั้งบูธมีแต่เด็ก ผู้ใหญ่อย่างเราไม่กล้าเข้า แอบเสียดาย เผื่อจะได้ใช้แก้ปัญหาที่ทำงานได้ หรือไม่ก็จัดงานย่อยสำหรับ maker อะไรประมาณนี้ ซึ่งความคาดหวังตอนมากับตอนมางาน ลดลงจากที่คิดนิดนึง เนื่องจากเด็กเยอะ ยังกะงานวันเด็กเลย เข้าใจฟีลการจัดงาน แต่ก็อยากทวงพื้นที่ผู้ใหญ่อย่างเราบ้างนิดนึง
- และข้อดีของ workshop คือ มีการจองแบบออนไลน์ และจ่ายเงิน กันคนเท (เท คือ ไม่ไปนี่แหละ ผู้ใหญ่บางคนแอนตี้ศัพท์แบบนี้ ซึ่งคำนี้เป็นศัพท์กะเทยแหละ) ซึ่งสองปีก่อนเราก็เทด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่งงตรง waiting list ที่คนมุงจนตอนแรกเรางง และดันมีผู้ปกครองไปดราม่าไปไล่คอมเมนต์ทุกโพสในเพจงาน อื้มมมมมม แต่ทีมงานจัดการได้ดีมากค่ะ
- บางบูธดูเซ็งๆไปนิดอ่ะ หรือเรามาใกล้ๆงานเลิก บางบูธแบบหายไปเลยก็มี
- เราไม่แน่ใจว่าเสียงบนเวทีกลางดังไปหรือเปล่า เวลาคุยกันตามบูธบางทีไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่นัก
- ไม่ค่อยได้ไปถามตามบูธเท่าไหร่นัก เราเองไม่รู้จะทำอะไรดีในช่วงนี้
- ถามว่าปีหน้าไปอีกไหม ดูก่อนดีกว่าอ่ะ ว่าปีหน้ามีอะไรบ้าง แต่แนะนำให้มาอะไรงี้ :)