free workshop "Presentation ให้ทะลุถึงหัวใจ" พร้อมการเตรียมตัวอย่าง strong โดย อาจารย์สมบัติ ทรงเตชะเลิศ
ประโยชน์สำหรับคนที่เรียนหลักสูตรการจัดการนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการ นอกจากจะได้รู้จักเพื่อนร่วมรุ่นหลากหลายอาชีพแล้ว ยังมีเพื่อนๆและรุ่นพี่ใจดีช่วยแบ่งปันความรู้ด้วย ในกิจกรรม The Night for NIA-DEI Society จัดขึ้นในวันพุธที่สองของทุกเดือน ในครั้งนี้เป็นครั้งที่สองโดย อาจารย์สมบัติ ทรงเตชะเลิศ วิทยากรด้าน Presentation และนักเรียนรุ่น13 ซึ่งเป็นรุ่นพี่เรารุ่นนึง (เรารุ่น 14 แต่รุ่น 15 ตอนนี้เปิดแล้วนะ)
ครั้งแรกเป็น digital marketing โดยพี่เซียร์คนสวย รุ่น 13 เช่นกันคะ
ปล มีทั้งกล้องมือถือกับไอแพดถ่าย ขนาดรูปอาจจะดูงงๆสำหรับคนอ่าน และหยิบยืมรูปในกรุ๊ปไลน์จากพี่ป๋อและพี่ปุ้ยอีกเช่นเคย
Agenda ของคอร์ส "Presentation ให้ทะลุถึงหัวใจ"วันพุธที่ 9 พย.59
เวลา 13:00 - 17:00 น. เนื้อหา และ 18:00 - 19:30 น. Work Shop
เนื้อหาคือ
- เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของการนำเสนอของ Steve Jobs ในการเปิดตัว Apple ที่ตราตรึงคนทั้งโลก และไม่ผิดหวังทุกครั้งสำหรับเหล่าสาวกต่างๆ
- สูตรสำเร็จการทำ Presentation และการจัดวางตำแหน่งสำคัญๆ
- เทคนิคการสร้างความมั่นใจให้ก้าวข้ามความกลัว และความวิตกกังวลต่างๆ
- วิธีการครองเวทีแบบสุด Strong ครองใจผู้ฟังแบบไร้ข้อกังขา
- และเทคนิคการหาภาพนับแสนภาพที่ถูกลิขสิทธิ์และสามารถนำไปใช้ได้ทันทีแบบไม่ต้องให้เครดิตรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 4 แบบไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น พร้อมการดูแลอย่างดีเหมือนเช่นเคยจาก NIA ครับ
มาดูกันดีกว่าว่าบรรยากาศการเรียนอย่างอบอุ่นของพวกเรา สนุกสนานกันแค่ไหน มาลุยกันเลยยยย
เนื่องจากวันนี้ ฝนตก งานเริ่มเลทนิดนึง
ระหว่างนี้อาจารย์สมบัติได้เปิดวิดีโอข่าวการสร้างตึก 59 ชั้นในจีน ที่ใช้เวลาเพียง 19 วันเท่านั้น
คลิปนี้บอกอะไรเรา บอกถึงการเตรียมตัว การวางแผนงานล่วงหน้า จะได้ทำงานได้สำเร็จลุล่วงโดยง่าย
กิจกรรมที่จัดในช่วงนี้ ต้องมีการถวายความอาลัยแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
อาจารย์สมบัติได้เล่าถึงประสบการณ์การพรีเซนต์ที่เจอมา ไม่ชอบแบบที่สไลด์มีเนื้อหามากเกินไป และได้ฝากมาสองประโยค ดังนี้
และอีกคำพูดนึง ของ warren buffett ซึ่งไม่มีในสไลด์นี้ ที่จำได้ประมาณว่า การนำเสนอที่ดี คือ การมีสินทรัพย์ที่ดี
จากนั้นอาจารย์ก็ได้พูดถึง agenda ในวันนี้ ซึ่งนำเสนอสองแบบ คือ แบบตัวหนังสือล้วน กับแบบภาพ ซึ่งรูปภาพสามารถสื่อความหมายได้ดีกว่า
เช่น การ present พิธีปิดโอลิมปิกที่บราซิล ที่มีการส่งไม้ต่อไปยังญี่ปุ่น เนื่องจากตอนนี้ญี่ปุ่นเศรษฐกิจตกตํ่า เขาเลยจะสื่อทุกอย่างที่เป็นญี่ปุ่นที่เราจับต้องได้ ใน concept Japanese cool เน้นไปทางเรื่องเกมส์และอนิเมชั่น ซึ่งมีพี่โดราเอม่อนทำหน้าที่โปรโมต Tokyo game
เนื้อหาในวันนี้ จะสรุปเป็นรูปภาพสิบรูป ผ่าน line@ @presentationgear โดยพิมพ์ nia1 และ nia2 ซึ่งในบล็อกนี้ก็จะสรุปไว้เหมือนกัน
จากนั้นอาจารย์ได้แนะนำตัวเอง ซึ่งมีประสบการณ์หลายด้าน ทั้งการตลาด ประชาสัมพันธ์ เป็นวิทยากรสอน SME และทำงานจิตอาสาด้วย และสไลด์นี้มีรูปครอบครัวของอาจารย์สมัยยังเด็ก เป็นภาพสี ที่สมัยนั้นค่อนข้างแพงอยู่ คุณพ่อของอาจารย์ได้บอกว่า ทำอะไรให้ดีที่สุด
ระหว่างนี้เราแอบกระซิบบอกนิดนึง เราแอบเห็นสไลด์ทั้งหมดของอาจารย์ มี 296 หน้า แต่เกือบทุกหน้า มีแต่รูปภาพทั้งนั้น ตัวหนังสือค่อนข้างน้อย และไม่ได้เป็นประโยคยาวๆด้วยนะ มาเป็นคำสั้นๆ
สถิติการนำเสนอ
- น่าเบื่อ :( 57%
- ทรมาน :| 28%
- สนุก :) 15%
ดังนั้น 3 นาทีแรกเป็น hi-light ทั้งหมดของการนำเสนอ ถ้าเราทำได้ ทำให้ผู้ฟังอยู่กับเราไปตลอดจนจบการนำเสนอ
สมการอยุติธรรม
ทำงานไม่เก่ง + นำเสนอเก่ง = เก่ง
ทำงานเก่ง + นำเสนอไม่เก่ง = ไม่เก่ง
ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้หล่ะ
ทำงานเก่ง + นำเสนอเก่ง = เก่ง
ส่วนตัวคิดว่า ก็คงจะดีไม่น้อยเนอะพวกเรา เพราะหัวหน้าจะมองว่าเราเป็นคนทำงานดี มีประสิทธิภาพ มีผลต่อเงินเดือนในแต่ละปี ทำนองนี้
รูปภาพจูงใจเรามากกว่าตัวหนังสือ เพราะรูปโดดเด่นกว่า
ตัวอย่าง การนำเสนอไอโฟนรุ่นแรกของสตีฟ จ็อปส์ ศาสดาแอปเปิ้ล
สิ่งที่ได้จากการนำเสนอของท่านศาสดา คือ 3 นาทีแรกน่าสนใจ, รูปภาพโดนใจ, เอาแต่ high-light มานำเสนอ จากนั้นค่อยพูดแต่ละ feature ทีหลัง
ใจความของการนำเสนอ คือ 3 Revolutions อันประกอบไปได้ iPod จอกว้าง + phone + internet
หลักการที่ท่านศาสดาใช้ คือ TURN
T time เวลา ไม่ใช่เวลาการนำเสนอนะ คือการใส่เวลาที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นปีที่เกิด หรือสถิติด้านเวลา เช่น ไอพอตเกิดขึ้นปีไหน
U unique มีความโดดเด่น ให้คนฟังเห็นแล้วเข้าใจ เช่น ตัว 3 Revolutions
R result บอกถึงองค์ประกอบต่างๆ ว่ามีผลลัพธ์อย่างไร เช่น 3 Revolutions รวมกันแล้วได้ ไอโฟน
N number ตัวเลข บอกถึงสถิติหรือประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เช่น จอกว้างขึ้นจากเดิม xx % (อันนี้สมมุติเอา)
การนำเสนอที่ดีอีกอย่างตามหลักของ TURN ที่เราเห็นได้ชัดเจน คือ infographic
การเตรียมตัวในการนำเสนอ มีองค์ประกอบหลายอย่าง ทำอย่างไรให้มั่นใจ และมีพลังได้อย่างเต็มที่
ใช้หลักการของ BOSS
B brainstorm มีการประชุมกันว่าควรจะนำเสนอแบบไหน อย่างไร มีอะไรบ้าง
O objective มีเป้าหมายการนำเสนอ เช่น แนะนำบริษัท เสนอขาย บอกกระบวนการทำงาน
S Storyboard/slide ตรงตัว ก็คือสไลด์ของเรานั่นแหละ
S speak การพูด
คนทุกคน ชอบเรื่องราวของคนอื่น (พูดง่ายๆ คือ มีดราม่าอะไรแล้วชอบไปมุงกัน เป็นต้น)
พูดในเรื่องที่ผู้ฟัง อยากฟัง
Elevator pitching เกิดจากคนท่านนึงอยากเสนอไอเดียหรือผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริหาร ดังนั้นจึงสำรวจว่าผู้บริหารคนนั้นขึ้นลิฟต์ตอนกี่โมง ใช้เวลาเท่าไหร่ในลิฟต์ ซึ่งใช้เวลา 50 วินาที เตรียมตัวไปนำเสนอ พอวันนึง เขาได้ก็นำเสนองานผู้บริหารในลิฟต์ และการเตรียมตัวก็เป็นผล ผู้บริหารสนใจลงทุนงานเขา และให้ไปคุยต่อด้านในห้องทำงาน คนไทยมีกรณีนี้เช่นกัน คือ คุณแจ็ค clam di ใช้เวลา 24 วินาที โดยสรุปใจความเพียง 3 ประโยคเท่านั้น ยกตัวเลขขึ้นมาชัดเจนเลย ว่าใช้แอปตัวนี้ได้อะไรบ้าง ซึ่งเราเคยฟังคุณแจ็คพูด ในงาน MEGA2014 ในเรื่องแอปนี้แหละ คิดว่าแปะลิ้งให้อ่านเลยแล้วกัน อาจจะได้ไอเดียเพิ่มเติม
สรุปหลักการ คือ พูดให้กระชับ ได้ใจความ เอาหลักการ TURN มาใช้ได้นะตัวเอง
ตัวสไลด์ เน้นรูปภาพที่เห็น ไม่ใช่เน้นรูปภาพที่ต้องอ่าน SEE not read คือเห็นแล้วรู้ว่าเป็นอะไร
การวางตำแหน่งในสไลด์ ใช้ตาราง 9 ช่อง (คนถ่ายภาพน่าจะรู้จักดี) มี 2 จุดน่าสนใจ คือ ตรงกลาง และจุดตัดตรงกลาง 4 ช่อง
ตัวอย่าง ... แคปจาก instagram แล้วกันเนอะ
อย่างหนังสือทำอาหารเล่มซ้ายล่างก็จะอยู่ในจุดตัดจุดนึง
(เลือกรูปที่น่าจะเข้าที่สุดแล้ว เพราะควานหาในมือถือแล้วยากเหลือเกิน เลยรูปนี้ก็ได้มั้ง ส่วนแปดรูปข้างล่างก็ช่างๆมันเถอะ ถ้ารูปแก้ว Starbucks อาจจะเอาโลโก้มาไว้ตรงกลางภาพอะไรงี้) ของอาจารย์ตัว cover presentation ก็ใช้หลักการนี้เช่นกัน
Rule of slide เอาองค์ประกอบให้ครบตามความคาดหวังของคนฟัง ไม่เช่นนั้นคนฟังจะผิดหวัง..เล็กน้อย
ตัวหนังสือ เสียง คลิป รูป ต้องให้เรียบร้อย เช่น การเปิดเสียงหมาหอนในหน้าที่เป็นรูปผี อันนี้อาจารย์ลืมปรับเสียงให้ดัง เลยเบาไปหน่อย บรรยากาศพอได้ฝนตกอยู่
อันนี้ใช้หลักการของผี หรือ GHOST
G giant รูปและตัวหนังสือ ตัวใหญ่ๆ
H hot รูปภาพที่ร้อนแรง เร่าร้อน เช่น ภาพปิ้งย่างที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แห่งนึง ที่ไฟแดงมากๆ
O original อาจจะเป็นภาพที่เราถ่ายเอง ทำเอง หรือ ภาพถูกลิขสิทธิ์
S simple เรียบง่าย
T talent มีดีไซน์ที่ดีและมีความโดดเด่น
การใช้สี อย่าใช้วีจัดจ้านหรือแม่สี ควรลดสีลงมา 1-2 เฉดสี ใช้หลักการ less is more
ทุกท่านตั้งใจเรียนกันมากเลย จากนั้นได้เวลาของว่างบ่ายจ้าาาาาาาา
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว กลับมาสู่เนื้อหาในช่วงหลังกัน
ให้คิดว่าสิ่งที่เรานำเสนอเป็นไปได้ และหาวิธีทำมันให้สำเร็จ
เช่น การ pitching ของ Jack ma ให้เพื่อนๆฟัง ตอนจะก่อตั้ง Alibaba
ในช่วงครึ่งแรก เป็นเนื้อหาสูตรสำเร็จในการนำเสนอกันไปแล้ว เหลือแต่วิธีการสร้างความมั่นใจ
Ensuring การสร้างความมั่นใจที่จะนำเสนอได้อย่างเต็มที่ don't panic อย่าตื่นตกใจกลัว
ใช้หลักการของ CAMERA รัวๆ
C content เนื้อหา รู้กลุ่มเป้าหมายของเรา ผูกใจด้วยอะไร สร้างเนื้อหาออกมา เช่น คลิปบาบิคิวพลาซ่า ตอนวันแม่ ที่พนักงานพาแม่มากินบาบิกอนนั่นแล
A audience รู้จักกลุ่มผู้ฟัง เราต้องคำนึงว่าผู้ฟังต้องการอะไร
เช่น อาจารย์เล่าเรื่องกระต่ายอยากกินปลาทอง เลยเอาแครอทที่ตัวเองชอบกินมาล่อ ปรากฏว่าสามวันแล้วปลาทองก็ไม่สนใจ จนรำคาญ เลยบอกกระต่ายว่า ชั้นไม่กินแครอท เพราะมันไม่ใช่อาหารของชั้นนะ
M myself รู้จักตัวเองว่าเก่งในเรื่องอะไร และด้อยในเรื่องอะไร
การเตรียมตัวในการนำเสนอ
ไปดูสถานที่จริง โดยไปก่อนเวลานำเสนอจริง ตรวจอุปกรณ์ว่าทางสถานที่มีอะไร ไม่มีอะไร เราต้องเอาอะไรมาเพิ่มเติมบ้าง ดูบรรยายกาศโดยรวมของสถานที่ ทำเป็น checklist ออกมาเลยก็ได้นะ
การนำเสนอ พูดให้คนฟังได้ประโยชน์ slide อยู่ในช่วงเวลาใดในการนำเสนอ จัดกลุ่มให้เรียบร้อย และรวมเป็นหนึ่งเดียว
สรุปรวบตามนี้เลย
การครองเวทีอย่างสุดสตรองงงงงงงงงง
ใช้หลักการ WHO STEP
W walk เดินไปหาคนฟัง
H hand การวางมือ สรุปง่ายๆแบบเจ็ดปวด คือ มือควรอยู่ในช่วงพุงนี่แหละ
O overview สบตาคนดูอย่างทั่วถึง
S smile ยิ้มให้คนฟัง
T tone of voice มีจังหวะหนักเบา ใช้เสียงเน้นความสำคัญของเนื้อหา
E eye contact สบตาคนฟัง มี step คือ look lock talk
P participate การมีส่วนร่วมของคนฟัง
ถ้าคนฟังเขาเริ่มไม่ฟังเราแล้วหล่ะ หันไปคุยกับคนข้างๆ กดมือถือ ทำไงดี
ต้องมีการ state change ดึงให้คนฟังสนใจเรา
เช่น ให้คนเปลี่ยน action มาทำกิจกรรมร่วมกัน
ระยะห่างระหว่างคนนำเสนอและคนฟัง จะเป็นดังนี้ ห่างตามความสนิทสนม
การ spinning idea คือ การคิดไอเดียของคนในทีมออกมา มีหลักการ คือ
- yes them รับฟังความเห็นทั้งหมด
- grouping นำทั้งหมดมาจัดกลุ่ม
- ถูกจำกัดด้วยเวลา
ตัวอย่าง พินัยกรรมอวัยวะ คือ การที่ผู้เสียชีวิตบางท่านแสดงเจตจำนงของบริจาคอวัยวะ แต่ญาติไม่ยอมด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งทำให้การบริจาคอวัยวะไม่สำเร็จ แนวคิดคือถ้าคนตายมาบอกเองจะเป็นอย่างไร
เนื่องจากส่วนใหญ่ที่มาเข้าอบรมนี้ อายุก็มากกว่าเราหลายปีอยู่ ผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลย ดังนั้นดูจบ นํ้าตาซึมเป็นแถบๆจ้า อาจารย์ก็ได้ถามหมอนพถึงคนตายแล้วคือสมองหยุดทำงาน คุณหมอได้ตอบว่าสมองเป็นศูนย์กลางควบคุมทุกสิ่งอย่างในร่างกาย ถ้าสมองตายก็ทำให้อวัยวะหยุดทำงาน ถึงแม้เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยให้สมองตายสามรรถฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ส่วนน้อยมากๆ
และอีกตัวอย่าง คือ การขายหนังสือในคุก เนื่องจากการมีชีวิตอยู่ในคุกของนักโทษถูกจำกัด และไม่มีอะไรทำมากมาย การให้นักโทษได้อ่านหนังสือ ทำให้เขามีความรู้ และความมั่นใจกลับมาส่วนหนึ่ง
มาที่ช่วง คำถามจากผู้ร่วมอบรม จดในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ
คำถามแรกจากพี่ๆ NIA ถ้าเรานำเสนอกฎระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งตัวหนังสือเยอะมาก จะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น
อาจารย์ตอบว่า ใส่ agenda แล้วแตกหัวข้อออกมา พร้อมใจความสำคัญ ส่วนเนื้อหาอย่างละเอียดก็ทำเป็นเอกสารแจกเพิ่มเติม โดยนำเสนอให้คนฟังเข้าใจได้ทันที มีบทสรุปว่าได้อะไร
คำถามต่อมาจากพี่หนุ่ม ไป present เรื่องเดียวกันหลายรอบ เหมือนจะปิดการขายได้ แต่ต้อง present ใหม่อีก จะทำอย่างไร
อาจารย์ตอบว่า เรื่องนี้แบ่งเป็นสองส่วน คือ ปัจจัยภายใน คือ ตัวเรา และปัจจัยภายนอก คือ ทางองค์กรนั้นๆ นำเสนอให้โดนใจตั้งแต่ทีแรก เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจของการ present รอบต่อๆไป และที่สำคัญ ต้องรู้ว่าใครมีอำนาจตัดสินใจในส่วนที่เรานำเสนอขาย
คำถามสุดท้ายจากพี่ๆ NIA เช่นเคย สรุปใจความคือ พูดในสิ่งที่พวกพี่ๆเขาอยากได้ แต่ผู้ใหญ่ไม่ค่อยอยากฟัง
คำตอบ จากเนื้อหาด้านบน คือ ให้พูดในสิ่งที่ผู้ฟังอยากฟัง ดังนั้นพูดให้เขาเข้าใจเหตุผล ว่าทำไมต้องทำในสิ่งที่เราอยากได้ เช่น ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งต้องมากกว่าสิ่งที่เขาให้
มาถึงช่วงท้ายแล้ว
เว็บรูปที่เราสามารถเอาไปใช้ได้โดยไม่มีลิขสิทธิ์ คือ pixabay เราเอาไปส่องแล้ว รูปฟรีดีๆสวยๆเยอะมากจริงๆ ถ้าหาในนี้ไม่เจอ ถาม google เลยคะ แต่ตรวจสอบเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยเนอะ
โปรแกรมที่อาจารย์ใช้ คือ PhotoScape เป็นโปรแกรมฟรี เราใช้มานานนมแล้ว มีหลายๆ feature เลย ทั้งตัดรูป เติมรูป เซ็นเซอร์ รวมรูป ใส่กรอบ ถ่ายรูปหน้าจอ แม้แต่ทำรูปติดบัตร ก็ยังได้
เราขอแนะนำเพิ่มอีกโปรแกรม ซึ่งฟรีเหมือนกัน ตามประสาของคนชอบลงของฟรีแบบถูกลิขสิทธิ์ นั่นคือ paint.net อันนี้เหมือน photoshop มี layer เหมาะสำหรับทำรูปมาใหม่ สามารถบันทึกตัวรูปที่เราแก้ได้ เพื่อปรับแต่งภายหลังได้
พอจบเนื้อหาแล้ว อาจารย์ให้พวกเราทำการสรุปและทบทวนกัน
ของแถมจากอาจารย์ ซึ่งใช้หลักการพรีเซนต์ที่อาจารย์เพิ่งสอนพวกเราไป มาใช้ให้พวกเราดู
1. 5 MEGA TREND
- digital economy
- aging society
- city society
- AEC
- global warning
2. อันนี้อาจารย์สรุปเรื่องต่างๆให้พวกเราฟัง พร้อมบอกเทคนิคการทำสไลด์ในแต่ละหน้า พวกเราสามารถเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์เล่า เช่น เรื่อง blockchain และอีกหลายๆเรื่อง เราไม่ได้จดมา แต่เข้าใจได้ทันที
3. การทำการตลาดในสมัยนี้ ต้อง HOOK เพื่อให้เราได้ลูกค้า
trigger กระตุ้นลูกค้า
action ลงไปหาลูกค้า
reward ให้รางวัล เช่น ลงแอปนี้แล้วได้เงินในแอป
investment ลูกค้าซื้อของเรา เย้
อาจารย์ได้เปิดคลิปพาราลิมปิก และอีกคลิปนึงจากหนัง เพื่อบอกพวกเราว่า อย่ายอมแพ้
สุดท้ายจริงๆของการอบรม ถ้าท่านใดอยากไปฟังที่อาจารย์สอน ซึ่งสอนฟรี ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่เซ็นทรัลบางนา ก็มาได้นะ จะมีอาจารย์เพิ่มขึ้นอีกท่านด้วย รสยละเอียดตามรูปเลย
เสร็จสิ้นกิจกรรมการอบรม ก็ชักภาพร่วมกัน (ไม่มีรูปเนาะ) จากนั้นอาหารเย็น
เราเลือกข้าวผัดปลาสลิด รสชาติดีทีเดียว พะโล้ออกหวานจัดเค็มจัดไปหน่อย ของหวาน คือเห็นกับข้าวแล้วขอบายดีกว่า เพราะไม่น่าจะทานได้หมด
จากนั้นมีการฝึกพรีเซนต์กันทีละคน ใช้เวลา 3 นาที และสรุปให้อาจารย์และเพื่อนๆฟังว่า ใช้หลักการอะไรที่ได้เรียนไปบ้าง
เอาบรรยากาศมาให้ดูก่อน รูปเยอะมากๆ ถ่ายทุกคนยกเว้นตัวเอง เพราะเราถ่ายตัวเองไม่ได้ แต่มีไลฟ์จากพี่ป๋อใน facebook group อยู่ บางท่านเราไม่รู้จักชื่อ และบางท่านจำไม่ได้ว่าพูดเรื่องอะไร ขออภัยด้วยคะ
เริ่มคนแรกที่พี่ฝ้าย นำเสนอตัวสครับผิว มีให้ทดลองใช้ด้วย พี่สุรชัยมีเขินๆเล็กน้อย
จากนั้นพี่ฝ้ายส่งไม้ต่อให้ คุณหมอนพคะ เกี่ยวกับอากาศสะอาด
ต่อมาพี่อุบลรัตน์ พูดเรื่องเกี่ยวกับภาษี
ทางวังมะนาวบอกว่าใครสนใจเรื่องข้าวโพด มาติดต่อได้จ้า
พี่สิริ นำเสนอเรื่องกล้วยอีกเช่นเคย
พี่บวรเกี่ยวกับหุ่นยนต์
พี่สุรชัย หนูจำไม่ได้แล้วว่าพูดเรื่องอะไร T^T
คุณพี่ท่านนี้พูดเรื่องการมีสติ
พี่แอนมานำเสนอนํ้ามันหอมระเหย พี่ป๋อก็แจกยาดมไป อาจารย์บอกภายหลังว่า ถ้าจะแจกของ ควรจะแจกหลังจากที่เรานำเสนอเสร็จ เพราะคนฟังสนใจของมากกว่าคนพูด
พี่เขาเอาไปแจกที่สนามหลวงด้วยนะ
พี่เซียร์พูดเรื่องกิจการ startup ของพี่เขา ซึ่งมีการทำเรื่องการตลาดด้วย ครอบคลุมหลาย platform
พี่ท่านนี้พูดเรื่องสเปรย์บรรเทาอาการปวด สโลแกนดีมากๆเลย หลังพรีเซนต์มีการแจกของให้แก่กลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็น 1 ใน mega trend คือ ผู้สูงอายุนั่นเอง
จากนั้นส่งไม้ต่อกันไปเรื่อยๆ
พี่อุบลทิพย์ ได้ส่งไม้ต่อให้เรา เลยพูดเรื่องโปรเจกลุงสุขุม ซึ่งเราจะพูดในบล็อกต่อๆไป
จบท้ายที่พี่คนนี้ เอามือถือมาเปิดคลิปโปรโมตผลิตภัณฑ์ วิตามินซีผงผสมนํ้า ตบแก้สิว
อาจารย์ได้พูดปิดท้ายว่า เรียนแล้วต้องทบทวน และนำไปใช้จริง
สรุปหลักการที่ได้ ดังนี้
(ตอนแรกว่าจะทำรูปใหม่ แต่ proposal ยังไม่เสร็จ เอารูปสรุปจากอาจารย์มาลงแทนแล้วกันนะ)
1. TURN
2. BOSS
3. SEE, not read
4. GHOST
5. CAMera
6. WHO STEP
เพิ่มเติม เว็บไซต์นี้บอกเรื่อง 5 แหล่งรูปฟรี
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง NIA ทั้งพี่ป๋อ พี่อุ๋ม พี่ปุ้ย ที่ดูแลพวกเราอย่างดีเสมอมา
ขอบคุณทางรุ่น 13 ที่ริเริ่มกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมา
ที่ขาดไม่ได้เลย คือ พระเอกของงาน พี่สมบัติ ที่อาสามาสอนพวกเรากันฟรีๆด้วยคะ
ขอบคุณทุกๆท่านมากจริงๆ
สำหรับตอนนี้ขอลาไปปั่น proposal ส่งก่อนนะคะ สวัสดีคะ