เก็บความรู้ blockchain โดยคนในออฟฟิศ
ก็พื้นฐานเจ้าของบล็อกที่มีต่อพวก blockchain และ bitcoin ก็น่าจะ level 1 ใน level ทั้งหมดเลยนะ มันดูเข้าใจยากอ่ะ เลยไม่ค่อยตามข่าวพวกนี้เท่าไหร่
เกริ่นนำ
เมื่อตอนอยู่ที่ฟังใจ มีน้อง iOS Developer คนนึง ซึ่งอ่ะเทพบุตรทีมเดฟเลย (คนที่อยู่ทีมเดียวกันน่าจะเดาได้ไม่ยาก55555 ปัจจุบันทำงานสาย data sci แล้ว) น้องเล่าให้ฟังถึงการเอาเครื่องคอมมาขุด bitcoin ตอน sharing session ใน townhall ทุกคนนี่แบบ โอ้วมายก็อดดดดด เปิดโลกสุดๆ แต่ก็ฟังแบบไม่ได้คิดจะจดบล็อกอยู่แล้วไง ก็เลยไม่มีบล็อกออกมาในช่วงนั้น ไม่งั้นทุกคนคงจะได้อ่านแล้วหล่ะ
ถ้าช่วงเวลาใกล้กันก็เริ่มเก็ทเรื่อง blockchain มากขึ้น จากหนึ่งใน session ของงาน CTC2018 เราจะสรุปคร่าวๆเผื่อใครขี้เกียจกดไปอ่าน
- ราคาเมื่อก่อนคือถูกมากๆ คือ 100$ แต่ตอนช่วงวันงานนั้นราคามากกว่า 10,000$ แล้ว
- สมัยก่อนที่ยังไม่มีเงินตรา เป็น brother system ใครมีของอะไรมาแลกกัน เช่น เขาปลูกข้าว เราเลี้ยงวัว เอามาแลกกัน เรารู้สึกว่าเลี้ยงวัวได้ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นก็ไม่ค่อยอยากจะเอาไปแลกกับข้าวอย่างดีอะไรงี้ หรือคนปลูกข้าวเขาไม่ทานเนื้อ อยากทานปลางี้ เลยเกิดสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ คือ หายาก ปลอมแปลงยาก และแบ่งย่อยเป็นชิ้นๆได้ เลยใช้เป็นทองคำเป็นหลักแล้วก็มีแร่เงินด้วย จากนั้นก็เกิดตั๋วแลกเงิน และสกุลเงินตามมา
- Cryptocurrency เกิดจากความคิดที่ว่า คนเริ่มคิด ทำอย่างไรไม่ให้สกุลเงินผูกจนเกินไป เลยเกิดสกุลเงินทางเลือกขึ้นมา และไม่ผูกกับรัฐบาล และมี 3 ข้อที่ตรงกันกับข้างต้น คือ มีในระบบจำกัด (อันนี้จำปริมาณไม่ได้ว่าเท่าไหร่), ปลอมแปลงได้ยาก เพราะใช้ blockchain, แบ่งย่อยได้เป็นไมโครบิตคอย และป้องกันการโกงโดยคนทั้งโลกเป็นพยานในระบบ
- ตอนนั้นมีคนพยากรณ์ไว้ว่า Bitcoin ฟองสบู่แตกแน่นอน กำจัดคนโลภและสินทรัพย์ด้อยค่าในระบบออกจากตลาด (ซึ่งก็แตกไปแล้วเรียบร้อย)
- Bitcoin ทำหน้าที่คล้ายๆทองคำ (คือมองเป็น asset เนอะ)
- หลักการการออก token คือ เขาจะซื้อหุ้นจริงมา backup ให้เรา และแก้ปัญหาเทคโนโลยีที่มีอยู่ เช่น การซื้อหุ้น อนาคตจะไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เช่น ธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ ส่วนที่เสียให้กับคนกลางจะไปสู่มือคนอื่นๆแทน (อันนี้น่าจะ DeFi นะ)
- เนื่องจากการขุด Bitcoin นั้น ใช้ทรัพยากรค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่าเน็ต ไหนจะต้นทุนการ์ดจอที่ซื้อ ในอนาคตเปลี่ยนระบบคนขุดเป็น true of space แทน โดยการวางเงินประกันในระบบ ดังนั้นก็จะเป็นพยานให้กับระบบ และได้ผลตอบแทนกลับมาเหมือนเดิม
- มีความผันผวนมากขึ้น มากกว่าตลาดหุ้นอีก เพราะไม่มีวันปิด เป็น 24/7 ส่วนสายขุดยังเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยอยู่ ได้คืนทุนเมื่อไหร่อาจต้องใช้เวลา
พอมาทำงานที่อุ๊คบี ซึ่งหลายๆคนก็น่าจะทราบกันอยู่แล้วแหละว่าพี่หมูเองก็ทำบริษัท SIX Network ที่เกี่ยวกับพวกนี้เช่นกัน
ก่อนโดนการป้ายยา
เริ่มจากวันนึงที่พี่อาเธอร์ ทีม production ไลฟ์เรื่อง "Crypto เทคโนโลยีการลงทุนแห่งโลกอนาคต" ซึ่ง production ดีสุดๆ และส่วนตัวพี่เขาก็ถือว่าเป็นเซียนในการลงทุนในด้านต่างๆในออฟฟิศเราเลย เคยฟังพี่เขาจัดไลฟ์ใน Beeber ด้วยหล่ะ
วันนั้นก็ฟังไลฟ์ไปชั่วโมงนึง ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน สรุปคร่าวๆก็คือ
เทรนการลงทุน
สมัยก่อนลงด้านอสังหาริมทรัพย์ เก็บสกุลเงินต่างๆ ซื้อทอง ซื้อหุ้น เพื่อเกร็งกำไรต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้หันมาลงฝั่ง cryptocurrency แทน เพื่อลงทุนแล้วออกดอกออกผล เพราะฝากเงินอย่างเดียวดอกเบี้ยน้อยมากกๆๆ น้องๆ first jobber เริ่มลืมตาอ้าปากได้เพราะลงทุนด้านนี้
bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอล สร้างขึ้นในปี 2019 โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ เอาไว้ทำธุรกรรมแบบไม่ผ่านคนกลาง เช่น ธนาคาร โอนเงินให้เพื่อนต้องเสียค่าธรรมเนียม เป็นการกระจายอำนาจออกไป และถูกรวบรวมเข้าไปใน blockchain
ในช่วงนึงการขุด bitcoin บูมมาก เพราะเหรียญในระบบมีจำกัด ขุดแล้วทำการเทรดหรือซื้อขายกัน
เมื่อก่อนมีข่าวซื้อ pizza และบ้านด้วย bitcoin คนเริ่มสนใจเพราะคิดว่ามันเป็นสกุลเงินในอนาคต ซึ่งพิซซ่าถาดนั้น มูลค่าในตอนนี้คือสูงจริงงงงงง
ในปี 2017 ราคา bitcoin อยู่ที่ 10000$ ประมาณสองสามแสนบาทไทย (ตรงกับที่ฟังในงาน CTC2018) ตลาดมีความผันผวนมาก เนื่องจากราคาสูงปรี้ดหรือไม่ก็ลงดิ่งไปเลย ตอนนี้ราคาเหรียญละ 50000$ หรือหนึ่งล้านบาทไทยแล้ว ดังนั้นเราจึงควรเริ่มต้นศึกษาเรียนรู้และซื้อเก็บลงทุนตั้งแต่วันนี้ เพราะเวลายิ่งนานยิ่งมีมูลค่าและราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ราคาเหรียญต่างๆสามารถดูได้ที่ Investing.com เป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลในการลงทุน สามารถดูราคาและติดตามข่าวสารได้ และมีภาษาไทยให้อ่านด้วยจ้า (เท่าที่ดูคือคนละภาษาก็จะมี data ที่ต่างกันด้วยแหะ) สำหรับมือใหม่ ให้ focus เหรียญที่ 10 อันดับแรกก่อน ถ้างงก็ลดเหลือแค่ 5 ก่อนก็ได้
แนะนำเหรียญ top 5
- Bitcoin (BTC) อันนี้เราน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว
- Ethereum (ETH) ใช้ในการโอนและจ่ายพวก transactions ต่างๆ แต่ยังแพงอยู่ เลยไปที่ Binance Coin (BNB) มีไว้ทำธุรกรรมเหมือนกัน แต่ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมถูกกว่ามาก
- Tether (USDT) เหมือนสกุลเงินดดอลล่าในโลกดิจิตอล มูลค่าจะเท่ากับสกุลเงินดอลล่าเลย เป็น stable coin
- Cardano (ADA) เป็นเหรียญที่ดารา เซเลประดับโลกถืออยู่ ทำให้ราคาเด้งขึ้นมาง่ายๆนั่นเอง
หลักการการลงทุนเบื้องต้น ก่อนอื่นเราจะมีเงินเย็นมาลงทุน ถ้าเป็นเงินที่ไม่ค่อยเย็น เวลาลงทุนเราอาจจะหัวร้อนได้
ซื้อขายเหรียญที่เว็บไหน
- Bitkub เป็นเว็บกระดานเทรดเหมือนหุ้น แต่อันนี้ซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล 24 ชั่วโมงเลย ในไลฟ์บอกว่ามีคนสมัครได้แต่ยืนยันตัวตนยังไม่ได้ ตอนเขียนบล็อกเปิดไปดูคือตอนนี้ยังไม่เปิดให้สมัครสมาชิกนะ "ขณะนี้ Bitkub ปิดรับสมัครลูกค้าใหม่ชั่วคราว และจะกลับมาเปิดใหม่ในเร็วๆนี้ 🙏"
- Satang pro เป็นกระดานเทรดที่ใหญ่ และมี volume เพราะมีการซื้อขายกันตลอดเวลา (ให้เลือกที่ที่มีคนซื้อคนขาย)
- Zipmex มีสกุลเงินที่ยังน้อยอยู่ และอยู่ในการควบคุมของ กลต
- Binance ซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลที่ไม่อยู่ในไทย
แหล่งข่าวสำหรับวงการนี้
เราต้องติดตามข่าวสาร เพราะมันขึ้นลงตามอารมณ์ล้วนๆ ไม่สามารถตีกราฟ ใช้เครื่องมือมาช่วยได้ เราจึงต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะให้ดี
ทำการซื้อขายยังไง
ใน Bitkub เราจะเติมเงินเข้ากระเป๋าก่อน ซึ่งต้องยืนยันตัวตนก่อนนะ จากนั้นไปหน้าตลาดซื้อขาย ซื้อตอนที่ราคาตกลงมาเท่านั้น ไม่งั้นเราจะขึ้นดอยเอาได้เน้อ เพราะราคาอาจจะตกลงไป พอร์ตเราจะไม่บวกด้วยนะ
การซื้อมีได้ 2 แบบ
- Limit Order ซื้อที่ราคาไหน และมันจะขึ้นจำนวนที่เราจะได้รับมา
- Market Order ใส่จำนวนเงินที่เราทำการซื้อเข้าไป โดยจะซื้อที่ราคาล่าสุด พอซื้อแล้วจะขึ้นในรายการทั้งหมด และรอมัน match ก่อน คือต้องมีคนขายที่ราคาที่เราต้องการก่อน มันถึงจะขึ้นไป ตอนขายอย่าลืมดูว่ามันคุ้มค่าธรรมเนียมที่เสียไปด้วยนะ
เหรียญตัวแรกของเรา ควรซื้อเหรียญอะไรดี?
- ถามตัวเองว่ามีเงินเย็นมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีเยอะให้เราสามารถลงเงินในสกุลเงินที่เรารับความเสี่ยงได้พอสมควร (ควรทดสอบความเสี่ยงของตัวเองก่อนซื้อ)
- เน้นจากเหรียญที่เราสนใจก่อนเท่านั้น
- ถ้าเราซื้อไปแล้ว เราอยากได้เหรียญเยอะ (ซื้อเก็บเพื่ออนาคต ให้งอกเงย ลงทุนในระยะยาว) หรืออยากได้ราคาดี (ระยะสั้น เน้นเหรียญกระแส เช่น dogecoin)
- ซื้อจากเหรียญที่เราชอบและอนาคตน่าจะได้ใช้ ให้ดู paper ก่อน
พูดถึงเหรียญกระแสชื่อดังอย่าง dogecoin ซึ่งดังมาจากที่ Elon Musk ถือเหรียญนี้นั่นเอง จนเกิดเป็นมีมน่ารักๆแบบนี้
แบ่งการลงทุน 3 ระยะ
- ซื้อเก็บไว้ และทิ้งไว้ยาวๆ เช่น bitcoin
- เหรียญที่ซื้อไว้แล้ว เอาไปทำให้งอกเงยได้ เช่น DeFi ต่างๆ
- เหลือส่วนนึงเอาไว้เล่นในระยะสั้น คือ short/day trade ทำให้พอร์ตของเราเติบโดมากยิ่งขึ้น
ใน Binance มีตารางเหรียญต่างๆ และมูลค่าของมัน ซึ่งมีลูกเล่นมากกว่าใน Bitkub สายซิ่งไปดูที่ future market อันนี้มีความเสี่ยงสูง ไม่แนะนำ (20x) แต่ก็จะได้เงินและเสียเงินสูงมากเช่นกัน และสามารถเทรดขาลงได้ เมื่อถึงจุดนึงมันจะให้เราทำการเทรดลงได้ เพื่อลงทุนในขาลงได้
ควรลงเงินเท่าไหร่ดี?
แบ่งการลงทุนออกมาเป็น 3 กอง กันเงินจากเงินเดือนมาลงทุน และแบ่งจากกองนี้ออกมาอีก 3 กอง คือ
- 30% : ซื้อเหรียญcryptocurrency ลงทุนระยะยาว ซื้อยาว ซื้อนานแล้วจะรวย ราคาเหรียญไม่ได้สูงมาก ควรเน้นจำนวนของเหรียญ ยิ่งเยอะ ยิ่งดี
- 40% : ใส่กองทุนคริปโต หรือ DeFi ต่างๆได้เงินปันผลออกมา เลือกที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น pancakeswap ทำการฟาร์มเหรียญให้งอกเงยได้ และ uniswap
- 30% : เอาไป day เทรด ซื้อขายวันต่อวัน อาทิตย์ต่ออาทิตย์ ปั้มเงินให้ได้เยอะๆ ซื้อขายระยะสั้น เช่น future margin หรือ IQ Option
การเก็บรักษาสกุลเงินดิจิตอล
ตัวมันเองมีความปลอดภัยระดับนึง แต่เราต้องเก็บให้ปลอดภัยด้วย
- สมัครเว็บ digital wallet กระเป๋าสตางค์ดิจิตอล เห็บเงินสกุลต่างๆไว้ในนั้น คนเขาจะไม่รู้ว่ากระเป๋าใบนี้ของใคร และห้ามลืม private key และ seed ซึ่งเป็นข้อเสียเลย
- hardware wallet อันนี้สามารถพกพาได้ หรือจะใส่เซฟก็ได้
- เก็บไว้บนกระดานเทรด
- ขายกลับมาเป็นเงินสดเข้าตัวเองบ้าง อย่าทิ้งให้ลืมแล้วลืมเลยนะ
เริ่มต้นการป้ายยา
เมื่อช่วงอาหารมื้อกลางวันของต้นสัปดาห์ที่เป็นต้น sprint น้องๆฝั่ง iOS มีการพูดคุยกับน้อง UX/UI Designer ที่เป็นแอดมินเพจดัง ชื่อว่า Stocker Day เกี่ยวกับการลงทุนในเหรียญพวกนี้
ด้วยความที่ทางเราไม่ได้ตั้งใจจะจด เพราะเป็นการคุยแลกเปลี่ยนกัน อาจจะขาดไปในบางประเด็น เลยมาจดเท่าที่จำได้ดังนี้
เว็บซื้อขายหลักๆมี Bitkub, Binance กับ Zipmex หน้าตาข้างในจะเหมือกระดานเทรดหุ้น
- สามารถเข้าไปดูกระดานเทรดของแต่ละเหรียญ เช่นใน binance หรือ zipmex หรืออีกหลายๆที่ ในลิ้งนี้คือตัวอย่างเนอะ
- ของ zipmex ฝาก 90 วันจะได้ benefits ที่สูงกว่า และช่วงเมษาจะลด flexible ลงมาเหลือครึ่งนึงของ fixed, USDT USDC จะปลอดภัยสุด ราคาจะเท่ากับเงินสกุล US เพราะมันเป็น stablr coin นั่นเอง
- pancakeswap มีให้ฟาร์ม โดยจะได้เหรียญ cake กลับมา, ปล่อยกู้ และล็อตเตอรี่ คล้ายล็อตเตอรี่ของฝั่งเมกา เมื่อไม่มีคนถูกรางวัลจะทบไปเดือนถัดไป และมีการ burn ออก เพื่อไม่ให้มันเฟ้อมากเกินไป แต่ตัว wallet ต้องสร้างเองนะ ซึ่งอันนี้เป็น DeFi เนอะ
วิธีการสมัคร ทางเพจก็ได้ทำโพสไว้แล้ว
แจก!! คู่มือเริ่มต้นสายฟาร์มบน PancakeSwap . ช่วงนี้หลายๆคนคงรู้สึกอากาศเริ่มหนาวๆ...
Posted by Stocker Day on Thursday, March 25, 2021
แต่ก่อนจะฟาร์ม อย่าลืมสร้างกระเป๋าก่อนน้า
อย่าพึ่งไปฟาร์ม(yield farming) ถ้าคุณยังไม่ได้สมัครสิ่งนี้❗❗ สอนวิธีการสมัคร Metamask กระเป๋าดิจิทัลส่วนตัว...
Posted by Stocker Day on Saturday, March 13, 2021
- shoot to the moon คือสำนวนในวงการนี้ หมายถึง ราคาทะยานไกลไปถึงดวงจันทร์ เช่นราคา bitcoin เป็นต้น
- เหมือนว่าถือเหรียญต้องถือจากไทยก่อนแล้วไปซื้อเว็บ ตปท?
- Enjin Coin (ENJ) เป็นเหรียญใช้เกี่ยวกับเกมส์
- แต่ละเหรียญก่อนลงทุนควรจะอ่าน whitepaper และ timeline นะ ว่าอนาคตมันจะไกลไหม เราเลยแปะให้ดูกันคร่าวๆนะ
และประโยคนึงที่น้องๆในทีมแซวเราบ่อยๆก็คือ
"รอบล็อกสรุปจากเพจ MikkiPastel ครับ" -____- โอ่ยยยยยยยย ยากกกกกกก แต่เพราะประโยคนี้แหละเลยได้บล็อกนี้มา เลยให้อ่านกันจุกๆไปเลยจ้า
แล้ว sharing session ของเพื่อนร่วมทีม Android Developer ก็เป็นเรื่อง DeFi ด้วยนะ
DeFi 101
เมื่อ sharing session ในออฟฟิศเรา เป็นเรื่อง DeFi โดยรอยล์ Android Developer ของทีมเรานั่นเอง การป้ายยาในทีมของเราโดยแอดมินเพจ Stocker Day ทำให้มัน continue ต่อได้ (คือเครื่องเริ่มติดหล่ะ พร้อมเรียนรู้กันต่อ)
DeFi ย่อมาจาก Decentralized Financial การเงินที่ไม่มีศูนย์กลาง พัฒนาต่อจาก blockchain
แล้ว Blockchain คืออะไรอ่ะ?
ก็คือการเก็บข้อมูลชนิดหนึ่งที่ไม่มีตัวกลาง มีการอัพเดตข้อมูลพร้อมกัน โกงได้ยาก เป็นการทำธุรกรรมแบบใหม่
ส่วน Bitcoin คือ digital asset ใช้เงินจริงซื้อได้ มีราคาตลาด
ดังนั้น Blockchain จะไม่เท่ากับ Bitcoin นะจ๊ะ เพราะว่า Blockchain เป็น technology และ Bitcoin เป็น asset นั่นเอง
ทำความรู้จักกับ Cryptocurrency และอื่นๆกันเถอะ
Cryptocurrency ก็คือ สกุลเงินดิจิตอล ใช้ technology ระบบจะมีหรือไม่มี limit ก็ได้ เช่น สกุลเงิน Bitcoin จะมีเหรียญในระบบทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ อย่างใน session นี้จะพูดถึง Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลเช่นกัน
บางเหรียญไม่สามารถใช้งานได้จริง เพราะมีความผันผวนที่สูง ดังนั้นจึงมี stable coin ที่อิงตามราคาเงินจริง เช่น USBT ค่าเงินเหล่านี้จะมีเงิน back-up ในระบบไว้เบื้องหลัง
Ethereum สร้างระบบของตัวเองได้ผ่าน Ethereum Blockchain คล้ายๆอัพไฟล์ต่างๆขึ้น Cloud Storage
Smart Contract รูปแบบการโค้ดใน Ethereum ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของที่มีมูลค่า approve ให้อัตโนมัติโดยไม่มีตัวกลาง และไม่สามารถแก้ไขสัญญานี้ได้
ERC20 คือ เทคโนโลยีมาตรฐานในการสร้าง token โดยปกติจะสร้างมาให้เลย เราไม่ต้องเขียนใหม่เอง ภาษาที่ใช้ก็จะเป็นภาษาที่ชื่อว่า Solidity ซึ่งได้รับอิทธิพลจากภาษา Python, C++ และ JavaScript
โดยเราสามารถเรียนการเขียนภาษา Solidity ได้ผ่านเว็บไซต์ https://cryptozombies.io/ เป็นคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีในการเขียนโค้ดสร้าง Smart Contract จาก zero to hero กันเลยทีเดียว แถมมีภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ เป็นการเรียนผ่านการเล่นเกมส์เนอะ
ICO คือ Initial Coin Offering เป็นการระดมทุนผ่านเหรียญ digital โดยให้เหรียญกับคนที่ร่วมระดมทุน ให้ใช้งานในระบบได้ บางเหรียญราคาดีเพราะตัวโปรเจกที่ดี ถ้าโปรเจกทำออกมาไม่สำเร็จ มูลค่าของเหรียญก็จะไม่ดีตามไปด้วย ทำให้เกิด bubble ขึ้นมา จึงมี DeFi ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้นั่นเอง
DeFi คือสิ่งใด?
DeFi เป็นการฉีกธุรกรรมเดิมๆออกไป โดยการทำธุรกรรมปกตินั้นจะมีตัวกลาง เช่น สถาบันการเงิน ธนาคาร โดยกระบวนการก็มีการให้เราฝากเงินเข้าไปในธนาคาร ส่วนธนาคารจะนำเงินที่เราๆฝากกันไปปล่อยกู้ ได้ดอกเบี้ยจากคนกู้กลับมา และดอกเบี้ยตัวนี้ก็นำไปให้ลูกค้า ปัญหาคือ ปัญหาเงินหายไปจากบัญชี
โดย DeFi เป็นตัวช่วยจัดการธุรกรรมทางการเงิน ผ่าน Smart Contract สามารถตรวจสอบได้ ไม่มีตัวกลาง การทำธุรกรรมต่างๆดีขึ้น
ความแตกต่างกันระหว่าง DeFi กับธุรกรรมปกติ
- ปกติเงินเราธนาคารเป็นคนถือ แต่ DeFi เราเป็นคนถือเงินแทน
- ปกติเราต้องเชื่อมั่นในตัวธนาคาร โดยที่เราไม่รู้ว่าเงินของเรา เขาเอาไปทำอะไร แต่ DeFi เราสามารถ control ได้ว่าเงินเราจะเอาไปไว้ไหน และจ่ายเงินอย่างไร
- ปกติเราจะจ่ายก่อน due date เช่น จ่ายค่ารถทุกวันที่ 31 พอวันที่ 30 จ่ายค่ารถ แล้วทางธนาคารคิดว่าเรายังไม่ได้จ่าย จะมีการโทรตามเราให้จ่าย ทั้งๆที่จ่ายไปแล้ว แต่ DeFi เราจ่ายได้ทุกวินาที
- ธนาคารจะต้องรู้ตัวตนของเราในการทำธุรกรรมต่างๆ แต่ DeFi ไม่ระบุตัวตน
- ปกติเราต้องเข้ามาเปิดบัญชีก่อนที่เราจะใช้บริการธุรกรรมต่างๆได้ แต่ DeFi เปิดให้ทุกคนเข้ามาใช้ได้ และใส่สินทรัพย์คํ้าประกันเองได้
- ปกติธนาคารจะมีวันเวลาเปิดทำการ ส่วน DeFi ตลาดไม่มีปิด
- ปกติเราจะไม่ทราบว่าสถานบันทางการเงินเอาเงินเราไปปล่อยกู้ใครบ้าง จัดการสินทรัพย์อย่างไร แต่ DeFi สร้างมาด้วยความโปร่งใส่ เป็น open source ขึ้นบน Github
chart ของ technology ค่อนข้างโตเร็วมาก มีทั้ง exchange เครดิต ประกันภัย
ตัวอย่าง DeFi ที่น่าสนใจและน่าศึกษา
Lending & Borrowing : เราฝากเงิน DAI เข้าไปในระบบ แล้วเราจะได้ดอกเบี้ยมาเป็นวินาที คนกู้เอา Ethereum เป็นสินทรัพย์ไปคํ้าประกัน ข้อดีคือเราจะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเลย
Decentralized lending platform : เราวาง Ethereum เข้าไปในระบบของ MakerDao เพื่อทำการสร้างเงิน DAI เป็น stable coin มีมูลค่าคงที่ คือ 1 USD จึงมีความผันผวนน้อยกว่า มาให้เรา และเรานำเหรียญ DAI ที่ได้ ไปทำเงินต่อในส่วนของ Lending & Borrowing
Decentralized protocol for no-loss prize games : PoolTogether ทุกครั้งที่เราฝากเหรียญ DAI จะได้สลากมา เหมือนสลากออมสิน ได้รับดอกเบี้ยจาก Compound เอากองนี้มาแจกเงินรางวัล โดยสุ่มด้วย Smart Contract และเราเอามา fork ทำของตัวเองได้
Decentralized Exchange : เช่น Uniswap เป็นการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency แบบไม่มีคนกลาง (อย่าง bitkub จะต้องมี KYC เป็นตัวกลาง) เราต้องมี address ของกระเป๋าก็สามารถแลกได้เลย แบ่งผู้ใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ
- Trader : คนปกติทั่วไป เช่น ส่งเงินสกุล ETH + ค่าธรรมเนียม เราก็จะได้เงินสกุล DAI กลับไป
- Liquidity Provider : ผู้ให้สภาพคล่อง เอาสองสกุลเงินเข้าไปอย่างละครึ่ง จะได้ค่าธรรมเนียมจาก Trader
โดย Liquidity Provider จะได้รับหน่วยลงทุนใน 1 transection เช่น ได้ Liquidity Shares 4 ใน 12 token เมื่อคนมาเล่นเยอะขึ้นเราจะได้สัดส่วนผลประโยชน์พวกนี้น้อยลงมาด้วยตามจำนวนคนเล่นเนอะ และค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับโค้ดที่เราเขียนด้วย ซึ่ง process เหล่านี้เราจะต้องทำการเอากระเป๋าของเราไปผูกกับ Uniswap ก่อนแล้ว
แน่นอนว่าทำให้เรานึกถึง pancake swap ที่เพจ Stocker Day ป้ายยาไว้ก่อนหน้านี้
โดยตัว Uniswap เองจะมี Governance Token เป็นอีกหน่วย โดยตัว token นี้จะทำหน้าที่ได้ 2 อย่าง คือ
- มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรในระบบได้ เช่น ส่ง proposal ขึ้นไปให้คนโหวต
- เอาไป stack ในระบบ
ความสำคัญ คือ เราได้กำไรจากส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียม และเราได้ token มาด้วย มีราคาขึ้นลง ถ้าเราขายได้ เราก็จะได้กำไร
และนี่คือ หน้าตาของ proposal ที่ให้โหวตจ้า
ตัวอย่าง เช่น มีสกุลเงินดิจิตอลที่เป็นเงินบาทไทย ชื่อ THT โดย 1 THT = 1 baht มาจาก platform ของ blockchain ที่ชื่อว่า Terra Chain ซึ่งพัฒนาโดยชาวเกาหลีใต้ เป็นสกุลเงิน Luna ในตอนนี้เปิดให้แลกเปลี่ยนได้แล้ว โดยมีคุณธันวา อาภรณ์ทิพย์ เป็นคนเสนอ proposal เข้าไป และผ่านมติจนได้เหรียญนี้มาจ้า
ตอนที่เขียนบล็อกก็ Google ตรวจสอบข้อมูลเลยเจอข่าวนี้จ้า เลยเอามาใส่ในบล็อกด้วยเลย
โดย process ของ proposal จะต้องทำตามที่ตกลงกันไว้ ก็จะประมาณในรูปนี้แหละ
ถ้าไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้จะเกิดอะไรขึ้น? ก็จะเกิดดราม่าขึ้นหล่ะ อย่างทุกคนโหวตอันนี้ขึ้นมา แต่เจ้าของดันไม่เอางี้ ความน่าเชื่อถือก็ตกถูกม่ะ ทำให้มูลค่าของ token จะลดลงไปด้วย
เรื่อง demand & supply ก็เป็นเรื่องสำคัญด้วย เช่น เจ้าของเหรียญซื้อเหรียญในระบบคืน และเอาเหรียญไป burn ทำให้จำนวนเหรียญในระบบลดลง จึงทำให้มีมูลค่ามากขึ้น
ความยาก แน่นอนว่าเป็นเรื่องของ technology ต้องอาศัยการอ่านโค้ดได้ว่าฝากเงินแล้วใครถอนเงินได้ เราถอนได้เท่าไหร่ ได้อะไรกลับไปบ้าง มีคนกลุ่มน้อยๆที่เข้าใจระบบและอ่านโค้ดได้ และมีทั้งเรื่องจริงและหลอกด้วย รวมทั้งไม่สามารถฟ้องร้องได้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงมีความเสี่ยงสูง จำกัดความเสี่ยงได้โดยใช้ smart xontract editor มาตรวจสอบระบบ ดู transaction ว่าทำงานโปร่งใส่หรือไม่
ในไทยเอาก็มีกองทุน DeFi เอาเงินไปลงทุนใน DeFi ต่างๆให้เหมือนกองทุนรวม ก็จะคล้ายๆลงหุ้นไม่เป็นก็ไปซื้อกองทุนรวมเอา
และสำหรับมือใหม่ ต้องเริ่มยังไงบ้างนะ?
ดูเหรียญที่คนใช้เยอะ ผลกำไรที่เราต้องการว่าเป็นแบบไหน เช่น ให้กู้ยืม, swap, ฝากเงิน, สลาก โดยก่อนอื่นจะต้องทำกระเป๋า digital wallet ก่อนที่เราจะเอาไป contract แล้วเอาเงินบาทไปแลกกับ cryptocurrency ตัวนึง เช่น ETH แล้วโอนเข้ากระเป๋าของเรา จากนั้นเอาเหรียญที่ได้ลง pool ที่เราสนใจ (อันนี้ก็จะคล้ายๆที่พิมบอก แต่อันนี้เริ่มเข้าใจมันมากขึ้นหล่ะ)
ดังนั้นคือเอาเหรียญที่มีทำให้งอกเงยขึ้น เมื่อเราถอนเราก็จะได้ดอกเบี้ย และได้กำไรจากการขายเหรียญทิ้ง
ปล. ตามความเข้าใจของเรา ตาม timeline น่าจะเริ่มจากการขุดเหรียญเอง แล้วมีธุรกิจแบบลงเงินเช่นพื้นที่ขุดเหรียญ จนจำนวนเหรียญเพียงพอในตลาด แล้วก็มี ICO แล้วก็มี DeFi เนอะ จะประมาณนี้
สรุปรวม
หลังจาก session รอยล์ 1 วัน เป็นวันที่ทีมทำ sprint review และ retrospective พอดี ในนั้นสรุปได้ว่าทีมมีบรรยากาศที่ดี มีการคุยเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงานกัน แล้วก็ได้อะไรใหม่ๆกลับไป เช่นบล็อกที่คุณอ่านกันอยู่นี้ และในทีมก็บอกว่า "รวยแล้วอย่าลืมผมนะครับ" "รวยแล้วอย่าลืมแบ่งกันด้วยนะครับ"555555555
จริงๆกระแส Blockchain และ Bitcoin มาได้สักพักใหญ่แล้วหล่ะ เพราะ Bitcoin ราคาเหรียญละล้านเนอะ คนทั่วไปเริ่มสนใจมากขึ้น ขนาดน้องอรอุ๋งยังโพสว่าสนใจ cryptocurrency เลยอ่ะ
จะว่าไป พิเฌอก็เคยพูดถึงนานมาแล้วนี่นา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว........
แต่เรื่องรูปถ่าย digital นี่ มีข่าวว่า tweet แรกของ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter เปิดประมูลทวิตแรกของเขาในรูปแบบเหรียญโทเคน NFT โดยมูลค่าคิดเป็นเงินไทยสูงมากกๆๆๆ เลยทีเดียว ทำให้การขายงานศิลปะที่มีชิ้นเดียวในโลกมี solution ในการตรวจสอบได้ว่าใช่ของจริงหรือไม่ และอยู่กับใคร
ส่วนตัวคิดว่านอกจากเรื่องการลงทุนแล้ว ตัว technology จะถูก applied มากขึ้นเรื่อยๆแหละ ดังนั้นเราจะต้องศึกษาไว้เนอะ :D
เหมือนจะจบบล็อกแล้ว แต่ขอแปะของนิดหน่อย
อันนี้เป็นเกมส์เลี้ยงแมว มีแมวสองตัวก็ให้เขามีลูกด้วยกัน ประมาณนี้ ใช้ ETH
และล่าสุด ของทาง SIX Network ตอนนี้มี DeFi ที่มีชื่อว่า Definix เพิ่งเปิดตัวเอง ทำให้เหรียญของเขาราคา new high สูงสุดตั้งแต่มีเหรียญมาจ้า ใครที่มีบัญชีของ Bitkub ก็สามารถไปจับจองเหรียญนี้กันได้จ้า แต่ระวังอันนี้ ให้ check network ให้ดีก่อนโอนออกจากกระเป๋า ถ้าโอนผิด network เหรียญหายน้า
อ่านแล้วอยากลงมือเทรด ไปอ่านบล็อกนี้ต่อได้เลยจ้า
หรืออยากเติมพื้นฐานเพิ่มก็อ่านอันนี้ต่อได้จ้า
download แอพอ่านบล็อกใหม่ของเราได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารและบทความใหม่ๆได้ที่
และช่องทางใหม่ใน Twiter จ้า