AMA ถามเรื่อง UI/UX กับพี่แบงค์ อภิรักษ์ Founder of UX Academy
หลังจากคราวที่แล้วเปิดประเดิมด้วยพี่ต้าแห่ง Skooldio กันไปแล้ว คราวนี้มาถึงคราวพี่แบงค์บ้างแล้ว กับเรื่องของ UI/UX
สามารถดูไลฟ์ย้อนหลังได้ที่นี่
.
ถ้าใครไม่อยากพลาดไลฟ์ดีๆ ให้ไปเข้าร่วมกลุ่ม Skooldio Tutorials Thailand ได้เลยจ้า
ซึ่งเราก็พิมพ์จดใน Notability เช่นเคย
AMA พี่แบงค์ในกลุ่ม Skooldio Tutorial งับบบบบ
— แอดมินเพจ mikkipastel (@mikkipastel) September 6, 2021
ไลฟ์ย้อนหลัง >> https://t.co/kipXdG3sK2
คือ Notability บรรทัดมันตัดไปนิดนึงอ่ะ อยากอ่านเป็นบล็อกไหมง่ะทุกคนนนน~~~~ pic.twitter.com/oSJmi918jQ
.
แล้วคำถามในไลฟ์จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยจ้า
เวลา WFH เราจะคุยกับ dev, designer กับลูกค้า มี challenge อะไรเป็นหลัก
- เราไม่เคยฝึกทักษะในการเข้าใจคนอื่นในโลก 2 มิติ (เปิดกล้องคุย) เราต้องฝึกทักษะขึ้นมา ฝึกให้เราเพิ่มทักษะในการ interview แบบ online มี ออพคูนิตี้ อย่างการสัมภาษณ์ user ต่างจังหวัด หรือขอเวลา user น้อยลงกว่าเดิมเพราะไม่ต้องเดินทาง ดังนั้นเราต้องข้ามมันไปให้ได้
- challenge ของ Skooldio ก็คือ เรียนออนไลน์ยังไงให้เหมือนกับเรียนห้องเรียนจริง
- อาจจะสู้ไม่ได้ แต่เหนือกว่าได้ แค่ต้องหาทางหรือจับจุดของมันให้ได้ ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
- การเล่นเกมส์ออนไลน์ก็เป็นการฝึกการสื่อสารได้ทางนึงเช่นกัน
ไม่ได้มาจากสายกราฟฟิคและสายคอมด้วย ทำงานด้านนี้ได้ไหม
- ไม่ได้เข้าใจ digital product และ graphic แต่เข้าใจฝั่งอื่นๆอีกเยอะ ดังนั้นหาทางกระโดดไปงาน UX ที่ relate กับพวกนั้นก่อน เพราะเข้าใจ empathy ในวงการนั้นๆ เช่น จบไบโอเทค ไปทำงานแอพที่เกี่ยวกับข้องกับพวกนี้
- ถ้าเราสนใจ หรืออยากย้ายสาย เราก็มีใจไปกว่าครึ่ง เพราะใจมันไป และมันจะผ่านไปได้
- หาเมนเทอร์ก็สามารถช่วยได้ ในกลุ่ม UX Thailand สามารถจับจองพี่ๆกันได้ แค่คุยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง สัก 2-3 อาทิตย์ เราก็จะได้ทิศทางที่เราอยากไป
อยากเปลี่ยนสายมาเป้น UX ค่ะ แต่อยู่ใน mid level แล้วค่ะ ถ้าเรียนจบมาจะมีโอกาสได้งานมั้ยคะ มาจากสาย marketing ค่ะ เรียนต่อ service design
ถ้าสมัครเมืองไทย ยังไงก็ได้งาน โอกาสได้งานเงินเดือนเท่าเดิมมีสูงมาก เพราะ UX ขาดแคลน เราต้องโชว์ว่าทำได้ โปรเจกที่เรียนพยายามปั้น port ให้ดี แต่เราจะยังไม่เจอข้อจำกัดตอนเรียน แต่จะเจอการทำงานจริง ถ้าเป็นต่างประเทศก็จะเป็นโลกอีกใบนึง
Career path ของ UX ในไทย และต่างประเทศต่างกันไหมครับ
- พอบอกได้จากการ survey มี 2 สาย คือสายไต่เต้าตามตำแหน่ง junior senior lead CFO ไต่ในสาย management กับ สาย UX ที่เก่งขึ้น คือตำแหน่งเท่าเดิม แต่เงินเดือนเท่า management
- ในไทยวิธีโตต้องไปสาย management แต่ถ้าบริษัทรุ่นใหม่ ก็จะมีสองสายเหมือนกัน เหมือนกับ dev
ปกติแล้วเงินเดือนเริ่มต้นของ UX designer ประมาณเท่าไหร่คะ?
- ตอบให้เป๊ะยาก range salary in Thailand 30k-300k UX Lead of Thailand ในสถาบันการเงินสายประกัน เพราะเขารู้ว่า UX ประหยัดเงินของเขาได้ขนาดไหน เช่น feature นี้ไม่ต้องทำ ทำให้ dev ไม่ต้องทำ feature ที่ user ไม่ใช้ได้ cost
- 30k ควรทำพวกนี้เป็นพื้นฐาน >> เข้าใจว่าจะทำ empathy ยังไง, ทำ user interview, แกะ insight ได้, แปลง insight เป็น solution ได้, เอา solution ไป implement และอธิบายต่อให้ dev ทำได้
ถ้าอยากย้ายสายไป product manager นี้ต้องเก่ง ux ขนาดไหนครับ?
- ต้องเข้าใจ UX มากๆ ไม่ต้องเก่ง UX มาก อย่างการ dev, business ก็ต้องเข้าใจมากๆเช่นกัน ทำยังไงให้มัน change เร็วที่สุด, แปลง insight เป็น product และแลงออกมาเป็น business value, แล้วช่วยให้ทุกคนเปล่งแสงได้ และอินฟูเอ้นตรงนั้นได้
- จะเข้าใจได้อย่างไร ให้ลงไปทำกับเขา ไม่ต้องเข้าไปเยอะ เดี๋ยวก็เข้าใจ หรือพอ dev เป็นบ้าง
- เข้าใจคนที่ทำงานทุกฝ่าย + สัมผัมบ้างและลองทำบ้าง = ทีมรัก
เวลาจะ empathize user กับ business มีขั้นตอนที่ต่างกันไหมครับ พอจะแนะนำวิธีสัมภาษณ์คร่าวๆได้ไหมครับ
- เราต้องเห็น insight ของ user ว่าทำไมเขาไม่เหมือนคนอื่น
- เข้าใจ business ต้องเห็น hidden agenda ถึงจะตอบโจทย์เขาได้ ว่าจะทำ product นี้ไปทำไม? และช่วยชีวิตเขาให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
- CEO อยากเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เช่น เปลี่ยนแปลงองค์กร เปลี่ยนแปลงธุรกิจ หรือเขา enjoy กับการสร้างเงิน
- user ไม่ happy product นี้ไม่มีทาง success และไม่ตอบโจทย์ business เขาก็ไม่ sponsor product นี้
- ตกหลุมใน workshop ทำให้เรารู้ตัวทันว่าตกหลุมในชีวิตจริงได้เร็วขึ้น
มีคำถามครับ ว่าผมเรียน digital marketing ปริญาโท สามารถเอาความรู้ทางด้าน marketing มาประยุกต์ ใช้ในด้าน ux ได้ไหมครับ
- digital marketing ถ้าเราเข้าใจ marketing เราจะรู้ว่า UX สามารถสร้า impact อะไรให้กับ product เราได้บ้าง
- แต่การทำ experience ไม่เหมือนกัน
- ถ้าเราเข้าใจเราได้เปรียบ แล้วเราเข้าใจแล้ว map ความรู้ UX ไปที่ marketing เลย เช่น persona link ไป target group ให้ระวัง ให้เราวางและ unlearn และเรียนของใหม่ได้ เรียนทั้ง 2 ศาสตร์ มองทั้งสองมุมมองให้ได้
- marketing ทำไว้ขาย ส่วน UX ทำไว้สร้าง แต่สร้างของชิ้นเดียวกัน ดังนั้นมีเป้าหมายที่ต่างกัน คือ ใครที่ซื้อสินค้าชิ้นนี้ และใครที่รักสินค้าชิ้นนี้ เป็นคนละคนกัน
Task flow ต่างกับ User flow ยังไงหรอคะ?
- user flow พูดถึง action ของ user ว่า user ทำอะไรบ้าง คล้ายกับ task flow ว่า user ทำอะไรบ้าง ดังนั้นคนที่เริ่มต้นใช้อันไหนทำก็ได้
- keyword ไม่ค่อยมีผลก็ได้
- user flow สนใจว่า user เดินทางไปทางไหน และอยากให้เขาวิ่งไปเส้นไหน ส่วน task flow อยากให้เขาทำอะไรบ้าง พอเขียนออกมาอาจจะได้มาเหมือนๆกันก็ได้
- task flow อยากให้ user ทำอะไร เช่นโปรแกรม HR อยากให้ HR ทำอะไรบ้าง / user flow มี employee มาถาม user ว่าเปลี่ยนงานจะเป็นยังไง user login ในระบบ ถามรายละเอียดผู้สมัครที่เขาต้องกรอก
- หลายๆตำราไม่ได้บอกแบบนี้ อยู่ที่เราเปิดตำราเล่มไหน
เราควรออกแบบหน้าจอแอพที่ขนาดเท่าไหร่ดีค่ะ คือ design สวยมาก แต่พอ dev จริงก็ต้องขอ designer ปรับอะคะ
- อยากให้คุยกันเยอะๆ
- อยากให้ designer เขาเข้าใจว่า เขาไม่ได้ design poster ให้เข้าใจว่าเขา design interactive อยู่ โลกที่หน้าจอมันขยายได้ โลกที่จอแสดงสีไม่เท่ากัน โลกที่ user คลิกได้ drag ได้ และขยายได้
- Figma, Sketch และ XD เอื้อให้ designer ออกแบบ interactive ต่างๆได้แล้ว และให้ designer ก้าวไปตรงนั้น
- ถ้าเขาเป็น designer มือใหม่ ให้ dev เข้าไปนั่งข้างๆ คุยเรื่องขนาดหน้าจอ ฝากเขาคิดให้ด้วย เพราะถ้าคิดแบบนี้ เราจะเดาไปเองนะ ว่ามันจะเป็นอย่างไร และฉันไม่สามารถให้มันสวยได้ / เราเดาว่าเป็นแบบนี้ แล้วเธอคิดว่าควรจะเป็นอย่างไร
- แล้ว designer จะบอก dev ได้อย่างไร ให้ dev เริ่มใช้ Figma (อยากให้ลองเข้าใจ Figma หรือ Sketch) แล้วเล่าให้ designer ฟังว่า มันทำแบบนี้นะ
- web อธิบายเรื่อง flex กับ auto layout ของ Figma อธิบายให้เขาเข้าใจการทำงาน ทำให้ power-up
- อย่าบอกว่าให้ไปเรียนมา และทำไมทำแบบนี้ เพราะเป็นเรื่อง geek >> set mindset ว่าเป็นหน้าที่ dev ที่ต้องไปเข้าใจ และอธิบายให้ designer ฟัง เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าธุระไม่ใช่ / Figma เป็น geek level มันเข้าใจยาก >> two-way communication
เป็นกราฟิกอยากเบนสายควรเริ่มต้นยังไงดีคะ
- สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือการชั่งนํ้าหนัก อย่างออกแบบ banner หรือ poster ของค่อนข้างนิ่ง แต่จะทำยังไงให้น่าสนใจ พอเริ่มมาเป็น UI ให้เริ่มชั่วนํ้าหนักที่ user จิ้มถูก ลากถูก เล่นกับมันยังไง และเขาไปอีก 10 หน้า ให้เขาไปได้โดยใช้พลังงานไม่มาก ลดความน่าสนใจลงเพื่อเพิ่มความง่าย
- การทำของสวยมันยาก ถ้าเราบิดหัวในการออกแบบ UI ได้ น่าอิจฉาที่สุด
- บล็อก >>
ทำตำแหน่ง UX แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ research หรือ คุยกับ user เลย แบบนี้ยังเรียกว่าเป็น UX ไหมคะ บอกคนอื่นไม่เต็มปาก5555 ปกติคือรับ requirement มาแล้วขึ้น ux เลยค่ะ 🥲
- ไม่มีใครรู้จักนี้ดีเท่าเรา เรารู้ว่าเราทำอะไร เช่น นาทีนี้ต้อง research ไม่งั้นคุณจะเดาผิด เราต้องเริ่มสันนิษฐานได้ว่า โอกาสที่จะทำ product ออกมามีหลายแบบ >> ไปทำ user search แทงหวย หรือโยนหัวก้อย
- ไม่ต้องให้ใครมาบอกให้เราออกไป ให้เราออกไปทำเองเลย
- บิดวิธีและความเชื่อ ได้ทางใหม่ ตัดความเสี่ยงได้มหาศาล เมื่อลงไปทำ user research
- ค่อยๆเปิดประตูไปเรื่อยๆ ไม่ต้องให้ใครไปบอกเรา ให้ลงมือทำเอง
- ถ้าไม่มีใครดันเราก็จะยากหน่อย อาจจะต้องมี skill หน้าด้านนิดนึง พี่มีเวลาสักห้านาทีไหม พอทำไปสักพักก็จะรู้ว่าคนไหนเข้าคุยได้ คนไหนอย่าเพิ่งคุย
- พี่แบงค์เป็น introvert แต่ก็ผ่านมันมาได้
- การทำ user research มีหลายแบบ อาจจะแบก design 2 อันลงไปให้ user ที่ข้างล่างตึกแบบที่ทิวาก็ได้นะ เป็น A/B Testing
- เป้าหมายของ UX คือการอยากเห็นมุมมองใหม่ ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นตรงไหนบ้าง อยากเห็นสมมุติฐานใหม่ๆ และใช้ marketing เพื่อ confirm อีกที
พี่แบงค์คิดว่า Trends การออกแบบประสบการณ์ในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไรครับ ต้องคำนึงถึงพฤติกรรมผู้ใช้งานตรงไหนเป็นพิเศษไหมครับ
- ผู้ใช้โดยสปอยให้เห็นของง่าย ผู้ใช้ไม่อดทน ส่งผลให้งานออกแบบลดน้อยลง ทำยังไงให้มี UI น้อยๆ แต่ user เข้าถึง content ได้เยอะๆ และเรียง content ยังไง เพื่อให้เขาเห็น UI เป็น UI ที่ถูกสร้างด้วย content (เป็นกรอบๆ ชิ้นๆ เห็นเงา เห็นช่องว่าง)
- อย่าให้แอพเรา UI เด่นกว่า content >> ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงประเด็นเร็ว ไม่ว้าวกับ UI แต่ wow กับสิ่งที่เราทำสำเร็จ (output) / แอพสวย แต่ output ไม่ดี เช่น ตุ๊กตา
สามารถยกตัวอย่าง UX / UI ที่ทาง Coach รู้สึกว่าอันนี้ว้าว เยี่ยมยอดมาก มีตัวอย่างแนะนำให้เข้าไปลองดูไหมครับ
- ไม่ wow 100% แต่อยากให้เห็นในบางประเด็นของเขา
- KTB เริ่มเห็นเขาใส่ชีวิตลงไปในแอพ จริงๆมันไม่ตรงไปตรงมา แต่มีชีวิต / content เป็นพระเอก UI น้อย แต่ใส่ชีวิตเข้าไป
- KBANK >> case study ของแอพที่ UX แบกรับอนาคต เช่น feature ที่ยังไม่ออกเยอะมาก แบกรับความหวังเยอะมาก ให้ลอง capture แต่ละ version ว่าเขามี hidden agenda อะไร
- Wongnai เป็นแอพที่เปลี่ยน UI บ่อยมาก และได้เรียนรู้จากการเปลี่ยน UI เยอะมาก
ทำportยังไงถึงได้งานครับ
- ใช้ความเป็น UX ให้เต็มที่ เราทำ port ให้ใครดูนะ มี HR, UX Lead แล้วอ่าน port ของเราแล้วเขาอยากเอาเราไปวางอะไร แล้วเริ่มทำ user interview เขาในใจ เช่น ทำ user research หลายๆรอบ >> ทำ UI, ให้ LAZADA สามารถต่อราคาได้ >> user research
- HR มองหาประสบการณ์ แต่ส่วนใหญ่คนที่โพสหาคนไม่ใช่ HR ทั้งหมด ให้เราคัดเองแล้วแจ้ง HR อีกที
- ตัวอย่างเว็บ port UX flow
- ทำนานแค่ไหน port แรกทำนานมาก ให้นึกว่าเป็น dojo เป็นการฝึกตนไปเรื่อยๆ พอทำไปเรื่อยๆเราจะได้ port ที่ดีกว่าเดิม ทำและ improve ไปเรื่อยๆ และ update port ตลอดเวลา
- ให้ port show ทักษะออกมาเยอะๆ
สุดท้าย พี่แบงค์ฝากคอร์ส UX/UI Design Bootcamp มีคอร์สนี้ขึ้นเพื่ออยากเพิ่มปริมาณ UX ในเมืองไทย เพื่อให้มี product ดีๆออกมาเยอะๆ อยากให้เจออาจารย์หลายๆคน เพื่อไม่ให้เชื่อคนใดคนหนึ่ง และให้เราเข้าใจ UI, UI principle , design system และอื่นๆ
ปล. บางคำถามพี่แบงค์อาจจะไม่ได้หยิบมาตอบในไลฟ์ เราก็จะเห็นคอมเมนต์พี่แบงค์คอยตอบอยู่ ซึ่งใครอยากอ่านต่อก็เข้าไปที่กลุ่ม Skooldio Tutorials Thailand ได้น้าา
สามารถ support ค่ากาแฟเจ้าของบล็อกได้ที่ปุ่มแดงส้มสุดน่ารักที่มุมซ้ายล่าง หรือกดปุ่มตรงนี้ก็ได้จ้า
กด follow Twitter เพื่อได้รับข่าวสารก่อนใคร เช่น สปอย content ใหม่ หรือสรุป content เร็วๆในนี้จ้า
ติดตามข่าวสารและบทความใหม่ๆได้ที่
download แอพอ่านบล็อกใหม่ของเราได้ที่นี่